บลจ.กสิกรไทย จ่อคืนกำไรกองทุนอสังหาฯ รวม 2 กองทุน พร้อมด้วยกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เตรียมจ่ายปันผลวันที่ 31 มี.ค.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 30, 2017 12:14 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 มี.ค.--บลจ.กสิกรไทย นายวิทวัส อัจฉริยวนิช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) ในอัตรา 0.1740 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 - 31 มกราคม 2560 และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลด์ (GOLDPF) ในอัตรา 0.1110 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2559 - 31 ธันวาคม 2559 โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าว จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 22 มีนาคม 2560 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลพร้อมกันในวันที่ 31 มีนาคม 2560 พร้อมกันนี้กองทุน GOLDPF ได้มีการลดทุนจดทะเบียนครั้งที่ 2 โดยจะจ่ายเงินลดทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในอัตรา 0.0478 บาทต่อหน่วย และมีกำหนดจ่ายเงินลดทุนดังกล่าวในวันที่ 31 มีนาคม 2560 เช่นเดียวกัน นายวิทวัส กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) ในอัตรา 0.6194 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2559 - 31 ธันวาคม 2559 โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 22 มีนาคม 2560 พร้อมกันนี้กองทุนได้มีการลดทุนจดทะเบียนครั้งที่ 7 และจะจ่ายเงินลดทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในอัตรา 0.4058 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลและเงินลดทุนพร้อมกันในวันที่ 31 มีนาคม 2560 สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน WHAPF ที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง และมีการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างสม่ำเสมอนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2553 เป็นต้นมา ซึ่งหากนับรวมการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ด้วย กองทุน WHAPF มีการจ่ายเงินปันผลแล้ว 24 ครั้ง เป็นอัตรารวมทั้งสิ้น 4.2521 บาทต่อหน่วย โดยสามารถคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ประมาณ 7% ต่อปี อย่างไรก็ตามสำหรับผลการดำเนินงานในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 พ.ย. 2559 - 31 ม.ค. 2560) กองทุนยังคงมีรายได้อย่างสม่ำเสมอจากค่าเช่าของอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันกองทุน WHAPF ถือครองทรัพย์สินในโครงการรวมแล้วทั้งสิ้นจำนวน 17 โครงการ ด้านกองทุน GOLDPF มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ขนาด 162 ห้องของโครงการเดอะ เมย์แฟร์แมริออท เอ็กเซคคิวทีฟ อพาร์ทเม้นท์ ซอยหลังสวน ถนนเพลินจิต ซึ่งในปีที่ผ่านมามีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 85% ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมา มีการจ่ายปันผลแล้วรวม 18 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4.8185 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ประมาณ 5.07% ต่อปี ส่วนกองทุน ABPIF มีนโยบายลงทุนในสัญญาโอนผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 และ 2 ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ที่มีรายได้หลักมาจากการทำสัญญาระยะยาวในการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร โดยผลการดำเนินงานในช่วงปี 2559 โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ สามารถสร้างผลการดำเนินงานได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ โดยกองทุน ABPIF มีกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วรวมเป็นมูลค่า 545.65 ล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมามีการจ่ายปันผลแล้วรวม 7 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2.6511 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ประมาณ 8.02% ต่อปี กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานทั้ง 3 กองทุนดังกล่าว จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนั้นสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน WHAPF กองทุน GOLDPF และกองทุน ABPIF สามารถซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 02673 3888 หรือที่www.kasikornasset.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ