ผถห. NDR ไฟเขียวปันผล 0.097 บ./หุ้น เคาะจ่าย 27 เม.ย.นี้ ปักหมุดปี”60 บุกตลาดยางรถมอเตอร์ไซค์ทั้งในและต่างประเทศ ย้ำเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10-15% จากปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 30, 2017 13:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 มี.ค.--IR network ผู้ถือหุ้นบมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์ (NDR) อนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.097 บาท/หุ้น กำหนดจ่าย 27 เมษายน 2560 นี้ ด้านบิ๊กบอส "ชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา" กางแผนปี"60 รายได้โต 10-15% มุ่งขยายตลาดยางรถจักรยานยนต์ โดยการเพิ่มขนาดและลายดอกยาง ให้ครอบคลุมรถรุ่นใหม่ๆ พร้อมศึกษาและหาพาร์ทเนอร์ในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดในต่างประเทศ ผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) (NDR) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2560 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการประจำปี 2559 ในอัตราหุ้นละ 0.097 บาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 11 เมษายน 2560 เป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2551 โดยประกาศปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 12 เมษายน 2560 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 27 เมษายน 2560 ทั้งนี้ ผลประกอบการประจำปี 2559 มีรายได้รวม 855.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.35% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 796.89 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 56.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.19% จากปีก่อนทีมีกำไรสุทธิ 34.38 ล้านบาท สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2560 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อนมีรายได้ 855 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นขยายตลาดยางรถจักรยานยนต์ และเพิ่มขนาดและลายดอกยาง เพื่อให้ครอบคลุมรถรุ่นใหม่ๆ นอกจากนี้ ยังศึกษาและหาพาร์ทเนอร์ในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยในปีนี้บริษัทฯได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ยางนอกรถจักรยานยนต์ รุ่นขอบ 12 Premium Sport Racingกับสมญานาม DEVIL (เจ้าปีศาจน้อย) ซึ่งมีจุดเด่นคือ เน้นลายสปอร์ต โฉบเฉี่ยวทุกองศาโค้ง เหมาะสมสำหรับนักซิ่งหรือผู้ที่ชื่นชอบความเร็ว ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนผลประกอบการของบริษัทฯ "ปีนี้เราจะมุ่งเน้นการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งตลาดในประเทศจะเน้นการขยายฐานทั้งตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภค ขณะที่ตลาดต่างประเทศจะหาช่องทางขยายไปประเทศใหม่ๆเพิ่มขึ้น คาดว่าปีนี้สัดส่วนรายได้จากในประเทศและต่างประเทศจะใกล้เคียงปีก่อน โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ระดับ 50 : 50 ส่วนราคาวัตถุดิบที่มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯจึงต้องมีการเน้นเรื่องการควบคุมต้นทุนการผลิต และอาจมีการปรับลดโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อรักษาอัตรากำไร" นายชัยสิทธิ์ กล่าวในที่สุด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ