โปร-แอ็ค รุกตลาด “พื้นเรซิ่น” หรูหรา อ่อนนุ่ม ทุ่ม 50 ล้าน สร้างศูนย์ใหม่ เปิดแฟรนไชส์ตีตลาดหัวเมืองหลัก

ข่าวทั่วไป Thursday March 30, 2017 13:17 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 มี.ค.--ซีเคร็ท คอมมูนิเคชั่นส์ บริษัท โปร-แอ็ค มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิต จำหน่าย และติดตั้งระบบเคมีภัณฑ์ วัสดุ กันรั่ว กันร้อน กันร้าว ครบวงจร มานานกว่า 14 ปี เดินหน้ารุกตลาด "พื้นเรซิ่นไร้รอยต่อ" เน้นความหรูหรา อ่อนนุ่ม รับสังคมผู้สูงอายุ พร้อมสยายปีกเปิดแฟรนไชส์รับติดตั้งระบบ กันรั่ว กันร้อน กันร้าว ในต่างจังหวัดกว่า 20 แห่ง เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าโครงการใหญ่ๆ สู่ลูกค้ารายย่อย ตั้งเป้าเติบโต 30% ในปี 60 ดร. มนัสนันท พจน์จิรานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โปร-แอ็ค มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ปส์ จำกัด กล่าวว่า ปีที่ผ่านมามีผลงานการติดตั้งโครงการของภาครัฐและเอกชน กว่า 5 ล้าน ตร.ม. อาทิ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ ปตท. อาคารของกลุ่มซีพี,โรงพยาบาลจุฬาฯ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยในปี 59 มีผลประกอบการ 150 ล้านบาท และในปี 60 ตั้งเป้าเติบโต 30% โดยในปีนี้เราเตรียมเปิดแฟรนไชส์รับติดตั้งระบบ กันรั่ว กันร้อน กันร้าว ในต่างจังหวัด จำนวน 20 แห่ง ใน 4 หัวเมืองหลัก คือ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน และภาคกลาง เพื่อรองรับการขยายฐานการให้บริการลูกค้ารายย่อยและครัวเรือน พร้อมทุ่มงบสูงกว่า 50 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ พร้อมศูนย์ฝึกอบรมผู้ติดตั้งระบบงานกันรั่ว ก้นร้อย กันร้าว ให้กับสมาชิกแฟรนไชส์ได้มาเรียนรู้เพิ่มเติมอีกด้วย นอกจากนี้ ภายในปีนี้ บริษัทฯ ยังได้ทำการเปิดตัวสินค้าใหม่ "พื้นเรซิ่นไร้รอยต่อ" พัฒนามาจากพื้น เรซิ่นในโครงการอุตสาหกรรม นำมาต่อยอดเป็นพื้นเรซิ่น ซึ่งใช้สารวัตถุดิบตั้งต้นจากเยอรมนี ออกแบบมาทั้งหมด 20 ลวดลายสวยงาม เน้นความหรูหรา อ่อนนุ่ม รองรับสังคมผู้สูงอายุ เบื้องต้นได้ทำตลาดผ่านสถาปนิกผู้ออกแบบตกแต่งภายในแล้ว และเตรียมขยายช่องทางออนไลน์มากขึ้น และที่สำคัญในประเทศไทยยังไม่มีผู้ทำตลาดด้านนี้ ทั้งนี้ มูลค่าตลาดวัสดุก่อสร้างในประเทศไทยปี 2559 ที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงถึง 468,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 3-4 % เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 450,000 บาท แบ่งเป็น การขายผ่านโมเดิร์นเทรด อาทิ โฮมโปร และโฮมเวิร์ค มูลค่า 2 แสนล้านบาท และอีก 2 แสนล้านบาท เป็นการขายผ่านร้านค้าวัสดุก่อสร้างทั่วไป แบ่งเป็นการขายผ่านร้านวัสดุก่อสร้างที่มีเชน เช่น เมกาโฮม ไทยวัสดุ และดูโฮม ที่มีมูลค่า 1.3 แสนล้านบาท และที่เหลือ 7 หมื่นล้านบาท เป็นช่องทางร้านจำหน่ายวัสดุทั่วไป อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมั่นใจกับเศรษฐกิจ มาตรการ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงโครงการเมกะโปรเจคต่างๆ ของภาครัฐ ประกอบกับ การลงทุนของผู้เกษียณอายุราชการที่หันมาทำโครงการอพาร์ทเมนท์ขนาดเล็ก ทำให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ