ศปถ. กำชับจังหวัดเข้มข้นดูแลการเดินทางกลับ – ปรับแผนสร้างความปลอดภัยสูงสุดทุกเส้นทาง

ข่าวทั่วไป Monday April 17, 2017 16:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 เม.ย.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนประจำปี 2560 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนของวันที่ 15 เมษายน 2560 เกิดอุบัติเหตุ 600 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 53 ราย ผู้บาดเจ็บ 634 คน รวม 5 วัน (วันที่ 11 - 15 เม.ย.60) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,985 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 283 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 3,087 คน ศปถ.กำชับจังหวัด เพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่อง ปรับแผนรองรับการเดินทางกลับของประชาชน เน้นเรียกตรวจ ประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเดินทาง ให้บริการด้านต่างๆ และบริหารจัดการจราจรให้มีความคล่องตัว โดยเปิดช่องทางพิเศษ ประชาสัมพันธ์เส้นทางลัด และเส้นทางเลี่ยง ควบคู่กับการดูแลจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ เพิ่มจุดแวะพัก และจุดบริการประชาชนในเส้นทางสายหลัก เพื่อสร้างความปลอดภัยสูงสุดแก่ประชาชนในทุกเส้นทาง พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2560 ประจำวันที่ 16 เมษายน 2560 เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนและลดความสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด สำหรับการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2560 ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ประจำปี 2560 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานในช่วงควบคุมเข้มข้นระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2560 ภายใต้แนวคิด "ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร" และสานพลังประชารัฐในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในมิติเชิงพื้นที่ ซึ่งการดำเนินงานมิได้กำหนดเป้าหมายที่ตัวเลข แต่มุ่งลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนที่ครอบคลุมทุกมิติ โดยสถิติอุบัติเหตุทางถนนของวันที่ 15 เมษายน 2560 ซึ่งเป็นวันที่ห้าของการรณรงค์ฯ เกิดอุบัติเหตุ 600 ครั้ง โดยมีสาเหตุสูงสุด 3 อันดับแรกจากการเมาแล้วขับ 269 ครั้ง ขับรถเร็ว 149 ครั้ง และตัดหน้ากระชั้นชิด 88 ครั้ง ประเภทยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 2 อันดับแรก ได้แก่ รถจักรยานยนต์ 518 คัน รถปิกอัพ 44 คัน แยกเป็น รถส่วนบุคคล 558 คัน รถโดยสารสาธารณะ 34 คัน รถบรรทุก 3 คัน พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เสียชีวิตและบาดเจ็บ 5 อันดับแรก ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย เมาแล้วขับ ขับรถเร็ว ตัดหน้ากระชั้นชิด และไม่มีใบอนุญาตขับรถ ผู้เสียชีวิต 53 ราย แยกเป็น เสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ 29 ราย ระหว่างนำส่งโรงพยาบาล 4 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 20 ราย สาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ขับรถเร็ว 22 ราย เมาแล้วขับ 13 ราย และตัดหน้ากระชั้นชิด 13 ราย ประเภทรถที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ รถจักรยานยนต์ 32 ราย (ไม่สวมหมวกนิรภัย 14 ราย) รองลงมาได้แก่ รถปิกอัพ 8 ราย (ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 2 ราย) รถเก๋ง 6 ราย สถานะของผู้เสียชีวิตเป็นผู้ขับขี่ 33 ราย ผู้โดยสาร 15 ราย คนเดินถนน 3 ราย และยังไม่สามารถระบุได้ 2 ราย ผู้บาดเจ็บ 634 คน สำหรับการวิเคราะห์สถิติอุบัติเหตุของวันที่ 15 เมษายน 2560 พบว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาแล้วขับ ร้อยละ 44.83 ขับรถเร็ว ร้อยละ 24.83 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 83.95 รถปิกอัพ ร้อยละ 7.13 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 61.83 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 36 บนถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 35.67 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 33.00 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 23.14 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี 30 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ เชียงราย และนครราชสีมา (4 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี (33 คน) ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,041 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 64,125 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 856,898 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 149,758 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 43,783 ราย ไม่มีใบขับขี่ 38,540 ราย จัดตั้งด่านชุมชน 21,708 ด่าน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 170,752 คน ส่วนข้อมูลการเดินทางโดยการใช้รถขนส่งสาธารณะ ณ วันที่ 15 เมษายน 2560 รวมจำนวน 8,250,687 คน เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ.2559 ร้อยละ 2.80 อย่างไรก็ตาม มีผู้บาดเจ็บระหว่างวันที่ 11 – 14 เมษายน 2560 เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 13 ราย สรุปอุบัติเหตุทางถนนรวม 5 วัน ( 11 - 15 เม.ย.60) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,985 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 283 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 3,087 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตมี 9 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ นราธิวาส บึงกาฬ พังงา ภูเก็ต แม่ฮ่องสอน ยะลา สมุทรสงคราม และอำนาจเจริญ จังหวัดที่ไม่มีผู้บาดเจ็บในช่วง 5 วัน ได้แก่ ชัยภูมิ จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 140 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 17 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 145 คน พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวว่า คาดว่าวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มทยอยเดินทางกลับทำให้การจราจรในบางเส้นทางเริ่มมีปริมาณรถหนาแน่น ประกอบกับความอ่อนล้าจากการขับรถเดินทางไกลและเล่นน้ำสงกรานต์ ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้กำชับให้จังหวัดดำเนินมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อคุมเข้มการขับรถเร็ว เมาแล้วขับ ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย และสภาพรถจักรยานยนต์ไม่ปลอดภัย รวมถึงพิจารณาปรับแผนรองรับการเดินทางกลับของประชาชน โดยปรับย้ายจุดตรวจ จุดบริการ จุดอำนวยความสะดวกบนเส้นทางสายต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และช่วงเวลาในการเดินทาง เน้นการเรียกตรวจ เพื่อพูดคุยสอบถามและประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและบริหารจัดการจราจรให้มีความคล่องตัว โดยเปิดช่องทางพิเศษ พร้อมประชาสัมพันธ์เส้นทางลัด และเส้นทางเลี่ยง เพื่อลดการแออัดของปริมาณรถบนเส้นทางสายหลัก นอกจากนี้ ให้จังหวัดร่วมกับสำนักงานขนส่งจังหวัดเตรียมพร้อมระบบขนส่งสาธารณะให้มีความปลอดภัยและเพียงพอต่อการให้บริการประชาชน รวมถึงเข้มงวดการตรวจสอบความพร้อมและตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของพนักงานขับรถโดยสารและพนักงานประจำรถโดยสาร เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุใหญ่ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า แม้ในวันนี้ประชาชนจะเริ่มทยอยเดินทางกลับ แต่บางส่วนยังเดินทางอยู่ในพื้นที่ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ได้เน้นย้ำให้จังหวัดบูรณาการหน่วยงานในพื้นที่เข้มข้นการดำเนินมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่อง เน้นการแก้ไขปัญหาในมิติเชิงพื้นที่ กำชับจุดตรวจ ด่านตรวจ ด่านชุมชน และจุดบริการเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ พร้อมสนธิกำลังทุกภาคส่วนดูแลเส้นทางสายรอง เส้นทางเชื่อมต่อเข้าสู่เส้นทางสายหลัก และจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ อาทิ ทางแยก ทางร่วมที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร นอกจากนี้ ให้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มจุดแวะพัก จุดบริการประชาชนในเส้นทางสายหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกและให้บริการด้านต่างๆ แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน นอกจากนี้ จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วงการเดินทางกลับ มักพบว่า มีสาเหตุจากการขับรถเร็ว และขับรถตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด รวมถึงการแซงบนริมไหล่ทาง ศปถ.จึงได้ประสานจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่อำนวยการจราจรและตั้งกรวยในเส้นทางเชื่อมต่อที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่น เพื่อชะลอความเร็วของรถและป้องกันการแซงในระยะกระชั้นชิด พร้อมเพิ่มความเข้มข้นในการเรียกตรวจ เพื่อให้ผู้ขับขี่เกิดความตื่นตัว และป้องกันการหลับในที่เป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงกวดขันการจอดรถริมทาง และร้านค้าที่วางสิ่งของล้ำช่องทางจราจร เพื่ออำนวยการจราจรให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ทั้งนี้ ฝากผู้ใช้รถใช้ถนนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจที่ปฏิบัติหน้าที่สร้างความปลอดภัยบนเส้นทางสายต่างๆ ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่ขับรถเร็ว หากมีอาการง่วงนอน ห้ามฝืนขับรถ ให้จอดรถพักตามจุดบริการต่างๆ และสถานีบริการน้ำมัน เพื่อให้ทุกการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ