อินทัชแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำใน 3 โรงเรียน จ.น่าน กับโครงการผลิตน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคจากประปาภูเขาด้วยพลังงานแสงอาทิตย์

ข่าวทั่วไป Friday April 21, 2017 14:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 เม.ย.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ "เมื่อก่อนน้ำประปาที่โรงเรียนไม่ค่อยสะอาด เพราะว่าไหลมาจากภูเขามีเศษดิน เศษใบไม้ปนมาด้วย แต่ถึงน้ำไม่สะอาดหนูก็ต้องดื่มเพื่อประทังชีวิต" นี่คือเสียงสะท้อนของน้องพัชรินทร์ มงคลส่ง อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนบ้านร่มเกล้า ที่ต้องเผชิญกับการขาดแคลนน้ำสะอาดในการอุปโภคบริโภค จากเสียงสะท้อนข้างต้นทำให้เห็นว่า "น้ำ" เป็นปัจจัยสำคัญพื้นฐานในการดำรงชีวิต หากขาดน้ำจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ดังเช่นโรงเรียนในจังหวัดน่านที่เข้าร่วมโครงการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของนักเรียนในโรงเรียนด้อยโอกาสของสำนักงานรองนายกรัฐมนตรี พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง ซึ่งประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้จนทำให้โรงเรียนต้องปิดการเรียนการสอนในวันที่ไม่มีน้ำส่งผลกระทบต่อคุณภาพการศึกษาที่ไม่ต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เล็งเห็นถึงผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้นจึงได้ร่วมมือกับภาครัฐในการให้ความช่วยเหลือและดำเนินโครงการ "ผลิตน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคจากประปาภูเขาด้วยพลังงานแสงอาทิตย์" ใน 3 โรงเรียน 3 อำเภอ ของจังหวัดน่าน ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านร่มเกล้า อำเภอแม่จริม, โรงเรียนบ้านสันเจริญ อำเภอท่าวังผา และโรงเรียนราษฎร์รัฐพัฒนา อำเภอสันติสุข ที่สอดคล้องกับความต้องการ และสภาพปัญหาของชุมชน นายฟิลิป แทน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เมื่อทีมงานลงสำรวจพื้นที่แล้วพบว่าโรงเรียนทั้ง 3 แห่งประสบปัญหาหลักคือขาดแคลนน้ำสะอาด ทำให้ต้องไปซื้อน้ำ จึงมีค่าใช้จ่ายสูง เรามองว่าต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้ ก่อนที่เราจะให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ เพราะเรื่องน้ำ โดยเฉพาะน้ำดื่มที่ไม่สะอาด และมีสารปนเปื้อน จะนำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพอีกมากมาย ถ้าเราไม่แก้ไขเรื่องคุณภาพชีวิตเบื้องต้นนี้ให้ได้ก่อน เราจะไม่สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านอื่น ๆ ต่อได้เลย อินทัชจึงเข้ามาจัดทำระบบน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคจากประปาภูเขาด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ เริ่มจากการวางท่อส่งน้ำเพื่อนำน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติมาสู่โรงเก็บน้ำที่สร้างขึ้น โดยที่ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการก่อสร้างและดูแลท่อส่งน้ำที่ผ่านในพื้นที่บ้านและเรือกสวนไร่นาของตัวเอง โรงเก็บน้ำที่สร้างขึ้นมีขนาดความจุ 12,000 ลิตร และส่งต่อน้ำไปยังโรงกรองน้ำดื่มด้วยเครื่องกรองน้ำระบบ RO (Reverse Osmosis) ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) มาเป็นพลังงานทดแทนพลังงานไฟฟ้า ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า ลดต้นทุนการผลิตน้ำ และเป็นพลังงานทดแทนที่สะอาด ไม่สร้างมลภาวะที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม" "สำหรับน้ำที่ได้จากโครงการผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1 เชียงใหม่ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่าสามารถนำไปบริโภคได้อย่างปลอดภัย ลดปัญหาโรคภัยต่างๆ ทั้งนี้ โดยเฉลี่ยโครงการฯ สามารถผลิตน้ำดื่มได้ 6,000 ลิตร/วัน ให้บริการแก่นักเรียน ชุมชน รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ได้อย่างเพียงพอ และยังมีรายได้เสริมจากการบริหารจัดการน้ำให้ชาวบ้านซื้อน้ำได้ในราคาถูกด้วย เป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่างโรงเรียนและชุมชนช่วยให้พวกเขาสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง เรื่องของรายได้เสริมนั้นต้องอธิบายเพิ่มเติมว่า น้ำที่ทุกคนสามารถซื้อได้ในราคาถูกนั้นคือ 3 ลิตรในราคา 1 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ใครๆ ก็ซื้อได้ แต่ถามว่าทำไมจึงยังต้องคิดสตางค์ คำตอบคือ เพื่อนำเงินที่ได้กลับมาใช้ในการบำรุงรักษาระบบกรองน้ำต่อในระยะยาว" นายฟิลิป กล่าวเพิ่มเติม นายสงวน แซ่โซ้ง อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.10 บ้านร่มเกล้า ถ่ายทอดความรู้สึกว่า "ด้วยสภาพภูมิประเทศของจังหวัดน่านที่เป็นภูเขาสูง เป็นพื้นที่ทุรกันดารและประสบปัญหาภัยแล้งในช่วงฤดูที่ขาดฝน ทำให้ชาวเขาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ รวมทั้ง น้ำที่มีอยู่ในธรรมชาติยังปนเปื้อนด้วยสารเคมีที่มาจากการทำการเกษตร ซึ่งชาวบ้านนำน้ำมาดื่มโดยไม่ผ่านการกรองทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหาร ท้องร่วง เป็นโรคไต และเป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ การที่อินทัช เข้ามาทำระบบกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพทำให้คุณภาพชีวิตของลูกบ้านหลังจากนี้จะมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินอาหารลดน้อยลง นอกจากนี้ ในทุกๆ เดือน ผมยังพยายามแนะนำ และให้ความรู้กับชาวบ้านให้เห็นถึงประโยชน์ของการดื่มน้ำที่สะอาดเพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีขึ้นอีกด้วย" หลังจากแก้ปัญหาน้ำสะอาดสำหรับดื่มและใช้ให้แก่ชุมชนแล้ว อินทัชยังพัฒนาพื้นที่ต่อเนื่อง โดยนำศักยภาพของบริษัทในกลุ่มอินทัชมาบูรณาการและสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนเพื่อเชื่อมโยงความต้องการของคนไทยเข้ากับเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สอดคล้องกับแนวคิด "Connecting Thais for Sustainable Growth" ที่ได้วางไว้ในปี 2560 เริ่มด้วยความเชี่ยวชาญในเรื่องของระบบเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารด้วยการเข้าไปติดตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเอไอเอสเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการติดต่อสื่อสารสำหรับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงช่วยให้โรงเรียนและเด็กนักเรียนในการเข้าถึงเทคโนโลยีทางการสื่อสารและการศึกษา พร้อมทั้งติดตั้งเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและ AIS PLAYBOX ให้นักเรียนได้ใช้ประโยชน์และเปิดโลกทัศน์แห่งการเรียนรู้ รวมถึงสนับสนุนการติดตั้งจาน DTV ไทยคิดไทยคม เพื่อการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม มอบทุนในการดำเนินโครงการต่าง ๆ แก่โรงเรียน รวมทั้งมอบตู้หนังสือและสื่อการเรียนการสอน นอกจากนี้ อินทัชยังได้รับการสนับสนุนด้านอื่น ๆ จากหน่วยงานพันธมิตรต่าง ๆ อีกหลายแห่ง ทั้งสำนักงานรองนายกรัฐมนตรี และภาคเอกชนรายอื่น ๆ ที่ยินดีและเต็มใจสนับสนุนอย่างเต็มที่จนทำให้โครงการนี้แล้วเสร็จออกมาเป็นรูปธรรม ช่วยให้นักเรียน บุคลากรของโรงเรียน และผู้คนในชุมชนใกล้เคียงมีน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภค เข้าถึงระบบการติดต่อสื่อสารที่สะดวกรวดเร็ว ได้รับสาระความรู้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีทางไกลผ่านดาวเทียม สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่มุ่งเน้นการปฏิรูประบบการศึกษาที่ต้องการส่งเสริมให้คนทุกเพศทุกวัยได้รับโอกาสในการพัฒนาด้านต่าง ๆ อย่างทั่วถึง รวมทั้งเป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals–SDGs) ขององค์การสหประชาชาติในด้านการจัดการน้ำและสุขาภิบาล, การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และการได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกัน อินทัชและบริษัทในเครือภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสนับสนุน เชื่อมต่อ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ