TWZ ปรับใหญ่ปั๊มกำไรจาก 4 สายธุรกิจ มั่นใจได้โซลาฟาร์ม 30 เมกะวัตต์ มิ.ย.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 15, 2017 11:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--ไอทูซี คอมมิวนิเคชั่นส์ TWZ ปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่เป็น 4 สายธุรกิจ สื่อสารโทรคมนาคม พลังงานทดแทน พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และร้านขายของชำแนวใหม่ หลังจากมั่นใจได้โครงการโซลาร์ฟาร์มตามเป้า 30 เมกะวัตต์ในเดือนหน้า สร้างรายได้และกำไรต่อเนื่อง 25ปี ด้านโครงการอสังหาฯ เดอะเพเซอร์ พัทยา จะรับรู้ได้ประมาณ 200 ล้านบาทในปีนี้ ธุรกิจหลักด้านสื่อสารโทรคมนาคมก็มีโอกาสเติบโตจากการขายสินค้า บริการ และวางโครงข่ายไฟเบอร์ออพติค เผยสายธุรกิจล่าสุดที่เป็นร้านขายของชำแนวใหม่ มีโอกาสเติบโตสูง นางปิยะนุช รังคสิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ เปิดเผยว่า หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากธุรกิจพลังงานทดแทน โดยเริ่มจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 5เมกะวัตต์ ผ่านบริษัท มาสเทค ทูล แอนด์ เซอร์วิส จำกัด หรือมาสเทค (MASTECH) และได้ขายไฟฟ้าเข้าระบบตั้งแต่ปลายปี2559 ที่ผ่านมา ทำให้ บริษัทฯ มีประสบการณ์และความมั่นใจที่จะขยายธุรกิจด้านนี้ โดยได้เข้าทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับหลายบริษัทที่ผ่านการคัดเลือกคุณสมบัติให้เข้าจับสลากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะที่ 2 ซึ่งกำหนดวันจับสลากคัดเลือกในวันที่ 26 มิถุนายน และจะประกาศผลวันที่ 28 มิถุนายนนี้ "การจับสลากรอบนี้เป็นโครงการในส่วนของหน่วยงานราชการไม่เกิน 100 เมกะวัตต์ และส่วนของสหกรณ์ภาคการเกษตรอีก 119 เมกะวัตต์ ซึ่งจากการพิจารณารายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติ พื้นที่ตั้งโครงการ และจุดเชื่อมโยงระบบไฟฟ้ากับการไฟฟ้าแล้ว เรามั่นใจว่าโอกาสที่พันธมิตรของเราจะได้โครงการรอบสองนี้ไม่น่าจะน้อยกว่า 5 โครงการๆ ละ 5 เมกะวัตต์ รวมเป็น 25 เมกะวัตต์ และเมื่อรวมกับที่เรามีอยู่แล้ว 5 เมกะวัตต์ ก็จะทำให้เรามีโครงการโซลาร์ฟาร์มรวม 30 เมกะวัตต์ ตามเป้าหมายที่วางไว้" นางปิยะนุชกล่าว ประธานกรรมการบริหาร TWZ กล่าวด้วยว่า การรับรู้รายได้เชิงพาณิชย์จากการขายไฟฟ้า จำนวน 5 เมกะวัตต์ สร้างรายได้ประมาณปีละ 40 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเฉลี่ยเกือบ 20 ล้านบาทต่อปี หากได้ 30 เมกะวัตต์ คิดเป็นรายได้ประมาณ240 ล้านบาทต่อปี เป็นกำไรสุทธิเกือบ 120 ล้านบาทต่อปี เป็นระยะเวลานานถึง 25 ปี ซึ่งจะเป็นรายได้และกำไรที่สร้างความมั่นคงให้กับบริษัทในระยะยาว โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายระยะ 3 ปีนี้ว่าจะพยายามทำโครงการไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนให้ได้ 100 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้มีกำไรเฉลี่ย 350-400 ล้านบาทต่อปี สำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ TWZ ซึ่งได้ลงทุนโครงการเดอะเพเซอร์ พัทยา มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ขณะนี้มียอดจองแล้วประมาณ 40% หรือประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งจะมีการโอนและรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 โดยมีอัตรากำไรประมาณ 20% ด้านธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจหลักของ TWZ นั้น บริษัทฯ ยังเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค และมั่นใจว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ผู้ให้บริการเครือข่ายต่างๆ จะไม่ได้นำสมาร์ทโฟนของตนเองมาใช้สนับสนุนการขายมากมายเหมือนในช่วงที่ผ่านๆ มา ดังนั้นโอกาสการขายของTWZ จึงมีมากขึ้น ทั้งการขายให้กับผู้บริโภคโดยตรง ขายผ่านตัวแทนจำหน่าย และขายจำนวนมากๆ ให้กับโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ รวมไปถึงการเป็นผู้วางระบบและบริหารจัดการโครงข่ายไฟเบอร์ออพติค ซึ่งจะทำให้รายได้และกำไรในสายธุรกิจนี้เติบโตมากขึ้น นางปิยะนุช กล่าวด้วยว่า อีกสายธุรกิจหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบในการลงทุน ก็คือธุรกิจร้านขายของชำแนวใหม่ ที่จะสามารถสร้างรายได้ทั้งจากการขายสินค้าและบริการเติมเงินชำระเงินต่างๆ ซึ่งมีโอกาสการเติบโตที่สูงมาก "การจัดโครงสร้างธุรกิจใหม่เป็น 4 สายธุรกิจดังกล่าวข้างต้น จะทำให้ TWZ เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง มั่นคง และกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งได้เป็นอย่างดี" ประธานกรรมการบริหาร TWZ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ