กลุ่มบริษัท พี.เอฟ.พี.เปิดตัว 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมรุกตลาดต่างประเทศ

ข่าวทั่วไป Friday May 26, 2017 10:08 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 พ.ค.--PR For U พี.เอฟ.พี. รุกคืบตลาดจีน ขยายฮาลาล ไม่หวั่นศก.ซบพร้อมเปิดตัวอีก 3 ผลิตภัณฑ์ ตั้งเป้าโต 10-15% พี.เอฟ.พี. ไม่หวั่นปัญหาเศรษฐกิจโลก พร้อมเปิดตัวอีก 3 ผลิตภัณฑ์ พุ่งเป้าทั้งตลาดในประเทศ ตลาดจีน ตลาดฮาลาลที่โตไม่หยุด ย้ำความเป็นผู้นำตลาดกว่า 30 ปีด้วยจุดเด่น Know-how, มาตรฐานวัตถุดิบและเครื่องมือในการผลิตอันทันสมัย คาดสิ้นปี 2560 โตเพิ่มอีก 10-15% นายทวี ปิยะพัฒนา ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท พี.เอฟ.พี. กล่าวถึงภาพรวมของตลาดอุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูปว่า สถานการณ์การส่งออกโดยรวมในปี 2560 ของไทยเรามีแนวโน้มขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องจากปี 2559 ในอัตราร้อยละ 0.1 ซึ่งก็ได้รับอานิสงส์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2559 รวมทั้งค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง แล้วก็ผลผลิตทางการเกษตรที่เป็นวัตถุดิบของอุตสาหกรรมอาหารมีแนวโน้มที่เติบโตขึ้น และแนวโน้มการส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารของภาครัฐมีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ไทยได้ใบเหลืองจาก IUU Fishing ตั้งแต่ปี 2558 และมีการยกเลิกการนำเข้าสินค้าไก่ของไทยของเกาหลีใต้ ไข้หวัดนกที่แพร่ระบาดในหลายประเทศ มองแล้ว ก็อาจเป็นปัญหาหนัก แต่ท่ามกลางปัญหาหนัก ก็ทำให้เรามองเห็นตลาดอื่นได้มากขึ้น ซึ่งหลายตลาดที่การส่งออกอุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูปขยายตลาดไปนั้นในปี 2560 นี้คาดการณ์กันไว้ว่า ประเทศเราน่าจะมีรายได้โดยรวมจากอุตสาหกรรมอาหารนี้อยู่ประมาณ 27.4 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ที่มา: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย) หรือคิดเป็นมูลค่าการขยายตัวจากปี 2559 ร้อยละ 4.0 โดยในส่วนของ พี.เอฟ.พี. เราก็เป็นส่วนหนึ่งของตลาดอาหารเช่นกัน คาดว่า ปีนี้ตลาดต่างประเทศของเราน่าจะเติบโตกว่าปีที่แล้วประมาณ 10% ทั้งนี้ การเติบโตของ พี.เอฟ.พี. ก็สืบเนื่องมาจาก พี.เอฟ.พี. เป็นเจ้าตลาดอุตสาหกรรมอาหารทะแลแปรรูปอยู่ มีการออกผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง มีการรักษาตลาดมาเป็นลำดับ ทั้งยังมีเครื่องจักรที่ทันสมัยในการผลิต พี.เอฟ.พี. มีทั้งเทคโนโลยีและ Know-how ในการผลิตอาหารทะเลแปรรูปอย่างครบวงจรแล้วแบรนด์ของ พี.เอฟ.พี. สำหรับในประทศไทยและตลาดโลก ก็ติดตลาดมาเป็นเวลานาน ลูกค้าต่างมีความเชื่อมั่น ไว้วางใจในแบรนด์ของ พี.เอฟ.พี. ฉะนั้น ในรอบปีสองปีที่ผ่านมา ที่หลายอุตสาหกรรมต่างโดนผลกระทบจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ส และการบริโภคที่เปลี่ยนรูปแบบจากการมุ่งสู่ธุรกิจดิจิทัลมากขึ้นทำให้หลายอุตสาหกรรมถึงกับต้องปิดตัวไปหลายเจ้า บางบริษัทใหญ่ ๆ ที่ปรับตัวสู่โลกดิจิทัลไม่ได้ ต่างก็ได้รับผลกระทบโดยตรงถึงยอดขายที่ลดลง แต่กับอุตสาหกรรมอาหารนั้น เราได้รับผลกระทบน้อยมาก ที่จริง กล่าวได้ว่า ได้รับผลเชิงบวกน่าจะถูกต้องที่สุด สำหรับ พี.เอฟ.พี. เรามีการปรับตัวมาโดยตลอด กล่าวได้ว่า ณ ปัจจุบันเครื่องจักรที่ พี.เอฟ.พี. ใช้การผลิตถือได้ว่าเป็นเครื่องจักรชั้นนำแห่งหนึ่งของโลกก็ว่าได้ ทำให้การป้อนตลาด และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของ พี.เอฟ.พี. ไม่มีปัญหา ไม่ว่าตลาดในประเทศหรือต่างประเทศจะเติบโตเพียงใด การผลิตที่จะป้อนตลาดของ พี.เอฟ.พี. ก็ไม่มีปัญหา โดยเฉพาะกับเต้าหู้ปลา ซึ่งถือว่า พี.เอฟ.พี. คือต้นตำรับของตลาด เราก็ยังได้รับการตอบรับที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ และเพื่อให้ตลาดเติบโตไปอย่างโตเนื่อง ในสิ้นเดือนนี้ พี.เอฟ.พี. ยังจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อีก 3 ผลิตภัณฑ์คือ 1. Retort ต้มยำซีฟู้ดส์ คั่วกลิ้งปลา, กะเพราปลา 2. ไส้กรอกปลารมควัน ไส้กรอกปลากระเทียม 3. โบโลน่าการ์ลิคเปอเปอร์, โบโลน่าพริก, โบโลน่าชีส ทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์นี้ จะเปิดตัวเป็นทางการในงาน THAIFEX 2017 ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม ถึง 4 มิถุนายน ณ อาคารแสดงสินค้าชาแลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี ซึ่งทุกท่านสามารถไปชิมหรือทดสอบรสชาติได้ โดย พี.เอฟ.พี. คาดว่า ทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์นี้จะได้รับความนิยมเหมือนผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ๆ ที่เราผลิตมาแล้วกว่า 350 ผลิตภัณฑ์ รุกตลาดจีน สำหรับการเปิดตลาดไปที่ประเทศจีนนั้น ที่จริง พี.เอฟ.พี. ได้ทำตลาดมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งก็มีจังหวะและโอกาสขยายไปได้เรื่อย ๆ โดยพื้นที่หลัก ๆ ที่ผ่านมาจะอยู่ทางตอนใต้ในมณฑลกวางโจว เช่น เซี๊ยะเหมิน ซัวเถา รวมไปถึงตลาดฮ่องกงด้วย ซึ่งแนวโน้มน่าจะเติบโตขึ้น โดย พี.เอฟ.พี. จะขยายตัวไปให้มากที่สุด เนื่องจากจีนมีประชากรมุสลิมนอกจากเมืองที่เราบุกตลาดไปแล้ว ยังมีอาศัยอยู่ที่เมืองซินเจียง หนิงเซียะ และซีอันอีก รวมแล้วกว่า 40 ล้านคน คาดว่าในปี 2560นี้ ในส่วนตลาดจีน พี.เอฟ.พี. ตั้งเป้าไว้ประมาณ 400 กว่าล้านบาท บุกตลาดฮาลาล ในด้านตลาดฮาลาล ซึ่งไม่ใช่แค่คนมุสลิมเท่านั้นที่บริโภค ผลิตภัณฑ์ฮาลาลของ พี.เอฟ.พี. ยังได้รับความนิยมในหมู่คนทั่วไปที่ไม่ใช่มุสลิมด้วย แต่ด้วยตลาดฮาลาลเป็นตลาดที่ใหญ่ ด้วยประชากรรวมกว่า 1,600 ล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะในอาเซียนมีถึง 300 ล้านคน โดยอินโดนีเซียนับเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด แล้วด้วยที่ พี.เอฟ.พี. เป็นโรงงานอาหารทะเลแปรรูปที่ได้มาตรฐาน และได้ฮาลาลมาตั้งแต่ปี 2541 ตลาดฮาลาลหลักของ พี.เอฟ.พี. ในเอเชียที่เปิดตลาดมานานแล้วก็คือ มาเลเซีย บรูไน และ อินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังมีตลาดในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางอีกด้วย โดยตัวเลขส่งออกของบริษัทที่ไปประเทศกลุ่มมุสลิมนี้ เราคาดการณ์ว่า น่าจะมากกว่า 120 ล้านบาท :ซึ่งตัวเลขบวกลบนั้น ก็ต้องดูปัจจัยอื่น ๆ ต่อไป คุณภาพของสินค้า นายทวี กล่าวอีกว่า ในเรื่องคุณภาพของสินค้านั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญมาก ผลิตภัณฑ์ พี.เอฟ.พี. เราใช้เนื้อปลา 98% ขณะที่เจ้าอื่นจะอยู่ในราว 75-80% ที่เหลือก็จะใส่อาหารทะเลตัวอื่นผสมเข้าไป เช่น ลูกชิ้นปลา ให้สังเกตว่า ตลาดกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดนี้ คนละเรื่องเลย ลูกชิ้นจะสีไม่สวย นั่นเพราะมีส่วนผสมอื่นเข้าไปซึ่งมาจากวัตถุดิบในตลาดโลกน้อยลง โดยน้อยลงจากกฎเกณฑ์จาก IUU ของยุโรปที่มีส่วนให้คนจับปลาน้อยลง ฉะนั้น สินค้าจะมีคุณภาพ เป็นปลาในสัดส่วนที่มากหรือน้อยนั้น ก็อยู่ที่ความตั้งใจของผู้ผลิตเป็นหลักและกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานด้วย ซึ่งเมื่อวัตถุดิบน้อยลง หลายเจ้าก็จึงหาอย่างอื่นเข้าไปผสม แต่กับ พี.เอฟ.พี. เราไม่มีปัญหา ด้วยความที่อยู่ในตลาดนี้นับปี 2560 นี้ก็เป็นปีที่ 31 แล้ว ลูกค้าหรือคู่ค้าให้ความมั่นใจ เชื่อมั่นเราอย่างมาก พี.เอฟ.พี. จึงไม่มีปัญหาเรื่องขาดแคลนวัตถุดิบ ยิ่งกระบวนการผลิตเราเข้มงวดมาก บางเจ้าล้างเพียงน้ำเดียวเพื่อประหยัด แต่ของ พี.เอฟ.พี. ล้าง 2 หรือ 3 น้ำ ฉะนั้น เรื่องสีเรื่องกลิ่นคาวกลิ่นเลือด พวกล้างน้ำเดียวก็จะมีกลิ่นคาว แต่ของ พี.เอฟ.พี.นั้น ให้ไปพิสูจน์ในตู้แช่ได้เลย กลยุทธ์ความสำเร็จ นายทวี กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ พี.เอฟ.พี. มีวันนี้ได้เพราะยึดมั่นใน หนึ่ง คุณภาพของสินค้าและการผลิตต้องได้มาตรฐานโลก, สอง เรามีพันธมิตรหรือลูกค้าที่เหนียวแน่น มั่นคง แล้วก็ยังให้ความไว้วางใจอยู่จนถึงปัจจุบัน, สาม เราส่งเสริมลูกค้า คอยช่วยเหลือเขา ด้วยการโฆษณาประชาสัมพันธ์แจกแถมต่าง ๆ เราช่วยด้านการตลาดมาอย่างดีและต่อเนื่อง ที่สำคัญ จะไม่ไปเปิดร้านแข่งกับลูกค้าเราเด็ดขาด "ลูกค้าของ พี.เอฟ.พี.ต้องมีกำไร" ไม่รวมร้านอาหารมีชื่ออีกหลายแห่งที่ยังเหนี่ยวแน่นใช้ผลิตภัณฑ์ของ พี.เอฟ.พี.มาจนวันนี้และต่อ ๆ ไป ซึ่งในนามของกลุ่มบริษัท พี.เอฟ.พี. ก็ต้องขอขอบพระคุณลูกค้าและคู่ค้าทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วย อย่างไร ก็ดี อย่าลืมไปพบกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม พี.เอฟ.พี. เชิญชิม เชิญเปิบเมนูทดสอบอาหารในเมนูต่าง ๆ ที่ทำจากผลิตภัณฑ์ของ พี.เอฟ.พี. ได้ที่งาน THAIFEX 2017 ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม ถึง 4 มิถุนายน ณ อาคารแสดงสินค้าชาแลนเจอร์ 1-3 นี้ด้วยนะครับ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ