สนช. จับมือ บริษัท เอจีดับเบิลยู กรุ๊ป จัดประลองแผนธุรกิจหาสุดยอดสตาร์ทอัพเพียงหนึ่งเดียวจากโครงการ SPARK ร่วมดูงาน ณ ประเทศอิสราเอล

ข่าวทั่วไป Friday May 26, 2017 14:37 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 พ.ค.--ทริปเปิล เจ คอมมิวนิเคชั่น สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์มหาชน) หรือ สนช. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับเอจีดับเบิลยู กรุ๊ป (AGW Group) ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนจากประเทศอิสราเอล ดำเนินโครงการบ่มเพาะและเร่งสร้างวิสาหกิจเริ่มต้น "Global Accelerator Program" ภายใต้ชื่อ "สปาร์ค (SPARK)" เพื่อเร่งสร้างและพัฒนาสตาร์ทอัพให้มีความพร้อมและมีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ รวมถึงเพิ่มความโอกาสการแข่งขันในตลาดระดับสากลมากขึ้น โครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากบริษัทต่างๆ กว่า 70 บริษัท โดยมีบริษัทที่ผ่านการคัดเลือก 12 บริษัทฯ เพื่อเข้าร่วมอบรมเข้มข้นเป็นเวลา 8 สัปดาห์ และพร้อมที่จะนำเสนอแผนธุรกิจรอบสุดท้าย เพื่อชิงตำแหน่งสุดยอดสตาร์ทอัพ เดินทางไปดูงาน ณ ประเทศอิสราเอล ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สนช. กล่าวว่า "สนช. ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เป็นหนึ่งในหน่วยงานภาครัฐที่ร่วมส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศและพัฒนาศักยภาพของวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ สตาร์ทอัพ เพื่อให้เป็น "นักรบเศรษฐกิจยุคใหม่" ของประเทศ โดยในปี 2559 สนช. จึงได้ลงนามความร่วมมือกับเอจีดับเบิลยู กรุ๊ป (AGW Group) ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนจากประเทศอิสราเอลที่มีประสบการณ์ในการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ และได้ริเริ่มโครงการบ่มเพาะและเร่งสร้างวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ "Global Accelerator Program" ขึ้นภายใต้ชื่อ "SPARK" และเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา โดยได้รับความร่วมมือจากทีมงานและเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญต่างชาติของ AGW Group เช่น Mr. Yaron Zeidman (CTO จากบริษัท Agoda), Mr. Daniel King (Head of Strategy & Media Planning จาก Facebook), Mr. Jeffrey Paine (ผู้ร่วมก่อตั้ง Golden Gate Ventures) ด้วยหลักสูตรเข้มข้นที่มีทั้งแบบ workshop และการให้ปรึกษาแบบตัวต่อตัว (1-on-1 mentoring session) ส่งผลให้บริษัท startups ได้พัฒนาศักยภาพในด้านต่างๆ เช่น การวางแผนธุรกิจ การสร้างแบรนด์ การปรับการนำเสนอแผนธุรกิจ (Pitching) ต่อกลุ่มผู้ฟังที่ต่างกัน โดยผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ได้ร่วมเป็นวิทยากรและเป็นที่ปรึกษาให้แก่สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมการฝึกอบรม ซึ่งจัดขึ้น ณ อาคารอุทยานนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ ที่ผ่านมานั้น โครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากวิสาหกิจเริ่มต้นกว่า 70 บริษัท โดยมีบริษัทที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 12 บริษัท ได้แก่ QueQ (Tech startup / Retail), Talad Invoice (Fintech), ZORT (Business solution / E-commerce), PenguinT (by Asia One Click Co., Ltd.) (Traveltech), MyCloudFulfillment (Logistics), Event Banana (Marketplace), System Stone (Industrial Manufacturing), ConvoLab (Cubicpro Co., Ltd) (AI-chatbot), Peak Engine (Fintech), FindYourSpace (Proptech/Real-estate), ZeekDoc (Healthcare) และ Jabjai for School (Fintech) โดยทั้ง 12 บริษัทฯ จะต้องดำเนินการประกวดแผนธุรกิจรอบสุดท้ายในงาน "SPARK Demo Day" ในวันนี้ โดยที่บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการจะได้เดินทางไปยังประเทศอิสราเอลเพื่อร่วมฝึกอบรมกับ Google Launchpad Tel Aviv หรือ Barclays Accelerator ซึ่งสนับสนุนโดย TechStars ที่เหมาะกับบริษัทสาย Fintech และยังได้พบปะนักลงทุนและบริษัทชั้นนำในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ นอกจากนี้ บริษัทที่ร่วมโครงการจะได้ร่วมกิจกรรมบนเวที Pitching ในงาน Startup Thailand 2017 ที่จะจัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันที่ 6 - 9 กรกฏาคม 2560 ต่อไป ดร. พันธุ์อาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า "โครงการนี้ เป็นโครงการที่ภาครัฐ ก่อตั้งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ออกแบบหลักสูตรบ่มเพาะและเร่งสร้างวิสาหกิจเริ่มต้น (startup) สำหรับเสริมสร้างและพัฒนาขีดความสามารถให้เติบโตได้ในระดับสากล (2) เพื่อจัดหาผู้เชี่ยวชาญในการแนะนำแนวทางการทำธุรกิจ การพัฒนาสินค้าหรือบริการให้แก่วิสาหกิจเริ่มต้นในมิตินานาชาติอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถพัฒนาแผนธุรกิจที่ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างเป็นรูปธรรมและเป็นไปได้จริง (3) เพื่อพัฒนาศักยภาพและเตรียมความพร้อมวิสาหกิจเริ่มต้นให้มีความสามารถในการนำเสนอแผนธุรกิจต่อนักลงทุนในกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง (pitching events) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (4) เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการชาวไทยมีประสบการณ์ร่วมกับบริษัทข้ามชาติชั้นนำของโลก (5) เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร สนช. ในด้านการฝึกอบรมและให้คำปรึกษาแก่วิสาหกิจเริ่มต้นเพื่อยกระดับศักยภาพของ สนช. ในฐานะที่เป็นศูนย์บ่มเพาะและเร่งสร้างวิสาหกิจเริ่มต้น และผมมั่นใจว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตของสตาร์ทอัพไทยต่อไปในอนาคต" นายอีธาน เลวี ประธานบริษัท เอจีดับเบิลยู กรุ๊ป (AGW Group) กล่าวว่า "เรายินดีที่ได้เห็นว่าสตาร์ทอัพหลายบริษัทได้นำความรู้จาก bootcamp นี้ไปขยายผลเพื่อประโยชน์ในธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เราได้เห็นว่าบางบริษัทมีพัฒนาการอย่างชัดเจนโดยมุ่งสร้างการเติบโตทางการเงินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายของบริษัท เอจีดับเบิลยู กรุ๊ป จะมุ่งมั่นส่งเสริมบริษัทเหล่านี้ให้เป็นที่จับตามองในตลาดทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกต่อไป"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ