นาโนเทค สวทช. จับมือ คณะเภสัชศาสตร์ ม.รังสิต เดินหน้าพัฒนาศักยภาพเภสัชศาสตร์และนาโนเวชสำอาง

ข่าวทั่วไป Wednesday June 7, 2017 15:45 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 มิ.ย.--สวทช. ขับเคลื่อนอุตฯเครื่องสำอางและสมุนไพรสู่ Thailand 4.0 นาโนเทค สวทช. กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี จับมือ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ลงนามความมือด้านวิจัยและพัฒนา เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพเภสัชศาสตร์และนาโนเวชสำอางในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและสมุนไพรให้ก้าวสู่ Thailand 4.0 เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้สูงขึ้น และยกระดับมาตรฐานโครงการวิจัยด้านเภสัชศาสตร์ สมุนไพร และนาโนเวชสำอาง ตอบโจทย์การพัฒนาของประเทศ ให้มีความทันสมัย ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน โดยมี ผศ.ดร.ภก.ธนภัทร ทรงศักดิ์ คณะบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมด้วย ดร.วรรณี ฉินศิริกุล ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ และผู้แทนส่วนงานต่างๆ เข้าร่วม ณ ห้องประชุมคณะเภสัชศาสตร์ อาคารวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อเร็วๆ นี้ ผศ.ดร.ภก.ธนภัทร ทรงศักดิ์ คณะบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า "ปัจจุบันทิศทางการพัฒนาและขับเคลื่อนงานด้านการวิจัยในหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย หน่วยงานวิจัยทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการ ต่างตอบสนองทิศทางการพัฒนาของประเทศตามนโยบาย Thailand 4.0 ในส่วนของมหาวิทยาลัยรังสิต ได้มอบให้คณะเภสัชศาสตร์ เป็นผู้นำการพัฒนางานวิจัยด้านเภสัชศาสตร์โดยเฉพาะด้านสมุนไพร นอกจากการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่แล้ว งานวิจัยจะต้องเน้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์เป็นนวัตกรรม และสามารถนำไปถ่ายทอดและประยุกต์เป็น start up ให้แก่ผู้ประกอบการด้วย ซึ่งแนวทางพัฒนานี้จะประสบผลสำเร็จได้ หากมีความร่วมมือในการพัฒนางานวิจัยร่วมกับหน่วยงานภายนอก ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านวิชาการระหว่างกัน เช่น การนำองค์ความรู้งานวิจัยสมุนไพรของคณะเภสัชศาสตร์ ไปประยุกต์เพื่อพัฒนาเป็นยา เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมสุขภาพ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานที่เป็นเลิศด้านการพัฒนางานวิจัย เช่น ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ที่มีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีด้านนาโน และมีประสบการณ์ในงานวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะด้านเภสัชศาสตร์และนาโนเวชสำอาง เพื่อร่วมกันสร้างนวัตกรรม รวมถึงการเป็น start up เพื่อให้งานวิจัยเกิดประโยชน์ได้อย่างสูงสุด" ดร.วรรณี ฉินศิริกุล ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. กล่าวว่า "จุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่าง 2 หน่วยงาน ในการลงนามความร่วมมือการวิจัยและพัฒนาด้านเภสัชศาสตร์และนาโนเวชสำอาง ระหว่าง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ คือ การวิจัยและพัฒนาด้านสมุนไพร ทั้งการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ และการวิจัยเพื่อต่อยอดงานวิจัยไปสู่เชิงพาณิชย์ ซึ่งภารกิจดังกล่าวมีความสอดคล้องกับทิศทาง และนโยบายรัฐบาลที่มุ่งเน้นการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Innovation Drive Economy) หรือที่เราได้ยินคำว่า Thailand 4.0 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดกลุ่มเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเป้าหมาย คือ กลุ่มสาธารณสุข สุขภาพ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยพิจารณาจากความได้เปรียบของประเทศจากความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะการนำองค์ความรู้ด้านนาโนเทคโนโลยีมาพัฒนาและประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ แผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยสมุนไพรไทย พ.ศ. 2560 - 2564 มีเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทย เป็นผู้ส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรคุณภาพและผลิตภัณฑ์ชั้นนำของภูมิภาคอาเซียน และสร้างมูลค่าวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 เท่า ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายด้านการวิจัยและพัฒนาด้านนาโนเทคโนโลยีของนาโนเทค ด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ยา และเวชสำอาง โดยอาศัยองค์ความรู้และความเป็นเลิศทางด้านนาโนเทคโนโลยี รวมทั้งพัฒนากระบวนการวิเคราะห์ทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานสากล" "ปัจจุบันนาโนเทค สวทช. ได้พัฒนาโรงงานผลิตอนุภาคนาโนมาตรฐาน GMP ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการต้นปีงบประมาณ 2561 พร้อมรองรับการให้บริการผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง บริษัทเอกชน/ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นการตอบโจทย์และสนับสนุนการดำเนินงานของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและเวชสำอางได้เป็นอย่างดี และนับเป็นโอกาสดีของสองหน่วยงานจะได้สร้างความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาด้านเภสัชศาสตร์และนาโนเวชสำอาง ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมวิจัยพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ด้วยนาโนเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและสมุนไพร การพัฒนากำลังคน การพัฒนาหลักสูตร ตลอดทั้งการสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการร่วมกัน" ดร.วรรณี ฉินศิริกุล กล่าวเสริม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ