ปภ.รายงานยังคงมีสถานการณ์น้ำไหลหลาก 2 จังหวัด เร่งประสานจังหวัดให้การช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยโดยด่วน

ข่าวทั่วไป Saturday July 22, 2017 17:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานตั้งแต่วันที่ 5 – 21 กรกฎาคม 2560 มีพื้นที่เกิดสถานการณ์อุทกภัยและน้ำไหลหลาก 22 จังหวัด 53 อำเภอ 193 ตำบล 714 หมู่บ้าน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 20 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 2 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา และชัยภูมิ ปัจจุบันระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ปภ.ได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย พร้อมประสานจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักต่อเนื่อง โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 5 - 21 กรกฎาคม 2560 ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 22 จังหวัด 53 อำเภอ 193 ตำบล 714 หมู่บ้าน ได้แก่ นครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท จันทบุรี พิจิตร เพชรบูรณ์ น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พระนครศรีอยุธยา ชุมพร ยโสธร กำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา อ่างทอง ตราด ระนอง ลำปาง หนองคาย และชัยภูมิ ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 20 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 2 จังหวัด 7 อำเภอ 70 ตำบล 320 หมู่บ้าน ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ผลกระทบจากเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางบาล อำเภอเสนา อำเภอบางปะอิน อำเภอผักไห่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา และอำเภอบางไทร รวม 69 ตำบล 319 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 9,940 ครัวเรือน 28,985 คน และชัยภูมิ ฝนตกหนักทำให้น้ำในอ่างลำคันฉูเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านชวน อำเภอบำเหน็จณรงค์ และถนนสาย 2096 แยกคำปิง – บำเหน็จณรงค์ ระดับน้ำสูงประมาณ 60 – 80 เซนติเมตร ระยะทางประมาณ 700 เมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 35 ครัวเรือน สถานการณ์ในภาพรวมระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ปภ.ได้บูรณาการทุกภาคส่วนดูแลด้านการดำรงชีพของผู้ประสบภัยครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการจัดหาอาหารและน้ำดื่มสะอาดให้เพียงพอ การดูแลสุขภาพอนามัยและรักษาพยาบาล รวมถึงการแจกจ่ายถุงยังชีพให้ครอบคลุมทุกครัวเรือน อีกทั้งจัดรถบริการประชาชน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง การซ่อมแซมถนนและสิ่งสาธารณูปโภคให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ปภ.จึงได้ประสานจังหวัด ศูนย์ป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดชุดเคลื่อนที่เร็วและจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ