Mitsubishi Electric เปิดตัว “เคียงฟ้า” หอทดสอบลิฟต์แห่งใหม่ในประเทศไทย ยกระดับความสามารถในการแข่งขันให้กับผลิตภัณฑ์ พร้อมเดินหน้าขยายตลาดลิฟต์ ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี

ข่าวยานยนต์ Wednesday July 26, 2017 11:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--คอร์น ครีเอทีฟ เอเจนซี่ บริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ เอเซีย จำกัด เปิดตัวหอทดสอบลิฟต์ "เคียงฟ้า" แห่งใหม่ในประเทศไทย ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี เพื่อเดินหน้าขยายตลาดลิฟต์ ทั้งจากกลุ่มลูกค้าที่สร้างอาคารใหม่และกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนลิฟต์เก่าเป็นลิฟต์ใหม่ มั่นใจหลังเปิดหอทดสอบลิฟต์ "เคียงฟ้า" จะช่วยเพิ่มศักยภาพการผลิต การทดสอบและประเมินคุณภาพลิฟต์ความเร็วปานกลางถึงความเร็วสูง ตลอดจนการทดสอบคุณภาพชิ้นส่วนและระบบต่างๆ ของลิฟต์ เพื่อให้มั่นใจว่าลิฟต์ทุกตัวมีความปลอดภัยควบคู่ไปกับคุณภาพ ซึ่งเป็นจุดแข็งอันสำคัญของผลิตภัณฑ์ลิฟต์ Mitsubishi Electric มร. ฮิเดะอาคิ โคะเดระ ประธานกรรมการ บริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ เอเซีย จำกัด หรือ AMEC เปิดเผยว่า "AMEC เป็นโรงงานผลิตลิฟต์และบันไดเลื่อนของ Mitsubishi Electric ส่งออกสู่ตลาดภายนอกประเทศญี่ปุ่น โดยมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพในการผลิตสินค้าให้มีนวัตกรรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดย AMEC ได้ก่อสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนา(R&D) เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 , มีการเปิดโรงงานแห่งใหม่ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2559 โดยได้ตั้งเป้าการผลิตเพิ่มขึ้น 50% หรือเป็นจำนวน 20,000 ตัว เพื่อส่งออกไปทั่วโลก โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักคือประเทศแถบตะวันออกกลาง รวมถึงครั้งนี้ บริษัทฯ ได้ก่อสร้างหอทดสอบลิฟต์ "เคียงฟ้า"แห่งนี้ขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มศักยภาพในทดสอบและตรวจประเมินลิฟต์ความเร็วปานกลางถึงความเร็วสูงตามที่กลุ่มตลาดระบบอาคารสูงต้องการได้ ซึ่งถือเป็นการอำนวยความสะดวกและเป็นบริการในการทดสอบและตรวจประเมินลิฟต์ อีกทั้งยังเป็นศูนย์พัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์ลิฟต์รุ่นใหม่ เพื่อยกระดับลิฟต์รุ่นเก่าที่ใช้งานมานาน ให้มีระบบการทำงานที่ทันสมัยเพิ่มขึ้น นอกจากหอทดสอบลิฟต์แห่งนี้จะใช้สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพของ ตัวลิฟต์แล้ว หอแห่งใหม่นี้ยังใช้สำหรับทดสอบรายละเอียดต่างๆ ได้แก่ ทดสอบชิ้นส่วนต่างๆ ที่จะนำมาจัดซื้อภายในประเทศ เช่น ชิ้นส่วนไฟฟ้าและเครื่องกลของลิฟต์ความเร็วสูง,ทดสอบระบบการควบคุมการสั่นสะเทือนและเสียงดังเมื่อลิฟต์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง,ทดสอบสมรรถภาพและความทนทานของชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ของลิฟต์ความเร็วสูงที่จัดซื้อภายในประเทศ, ทดสอบสมรรถภาพและความทนทานของระบบความปลอดภัย ซึ่งทั้งหมดนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถช่วยลดความผิดพลาดของการผลิต ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงได้อีกด้วย" สำหรับยอดขายลิฟต์ในปีนี้ ความต้องการซื้อจากประเทศที่เปิดตลาดไปแล้ว คือ ประมาณ 920,000 ตัว เพิ่มขึ้นจากปี2559 ที่มีความต้องการซื้ออยู่ที่ 900,000 ตัว สำหรับประเทศไทยนั้น ตลาดมีความต้องการซื้อประมาณ 5,000 ตัวต่อปี อย่างไรก็ตามทิศทางการเติบโตของตลาดลิฟต์และบันไดเลื่อนยังมีอยู่ต่อเนื่อง คือ ประมาณ 1 ล้านตัวต่อปี โดยตลาดใหม่ เช่น ประเทศจีนถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุด 60% ของทั้งโลก ตามด้วยอินเดียเป็นตลาดใหญ่อันดับสอง ตลอดจนตลาดใหม่ในประเทศที่กำลังขยายประเทศ เช่น ในภูมิภาคอาเซียน ตะวันออกกลาง และ ละตินอเมริกา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีความต้องการซื้อจากประเทศที่ Mitsubishi Electric ยังไม่ได้เปิดตลาด เช่น รัสเซีย ยุโรปตะวันออก แอฟริกา อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านตัว นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งตลาดลิฟต์ที่น่าสนใจ คือ ตลาดลิฟต์สำหรับปรับปรุงอาคารเก่า โดยเปลี่ยนลิฟต์เก่าเป็นลิฟต์ใหม่ บริษัทฯ จึงได้เตรียมแผนการขยายธุรกิจในส่วนนี้โดยการใช้กลยุทธ์ส่งเสริมธุรกิจแบบครบวงจร เพื่อขยายธุรกิจอย่างมีคุณภาพ ทั้งการสร้างยอดขาย "ลิฟต์ใหม่" ในตลาด และการให้บริการ "ซ่อมบำรุง" ที่มีคุณภาพสูง และจำหน่าย Renewal Lift" มร.ฮิเดะอากิ กล่าว ด้วยประสบการณ์กว่า 90 ปี ในการให้บริการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงเชื่อถือได้ภายใต้ Mitsubishi Electric Corporation ส่งผลให้บริษัทฯเป็นผู้นำตลาดระดับโลกด้านการผลิต การตลาด และการขายอุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับใช้ในการประมวลข้อมูลและการสื่อสาร รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศสื่อสารด้วยดาวเทียม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค เทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรม พลังงาน การขนส่งและอุปกรณ์สำหรับระบบอาคาร ซึ่งMitsubishi Electric ได้รวบรวมเจตนารมณ์ขององค์กรเข้าด้วยกัน ประกอบด้วย ปณิธานของกลุ่มบริษัท คือ "การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า" (Changes for the Better) และถ้อยแถลงด้านสิ่งแวดล้อม (Eco Changes) Mitsubishi Electric มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทระดับโลก เป็นผู้นำด้านองค์กรสีเขียว และเสริมสร้างสังคมด้วยเทคโนโลยี บริษัทฯ มียอดขายรวมทั้งกลุ่ม มูลค่า 4,394.3 พันล้านเยน (38.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ*) ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2559 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.MitsubishiElectric.com *อัตราแลกเปลี่ยนที่ 113 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดโดยตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในโตเกียว วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ