ขับเคลื่อนกองทุนหมู่บ้านฯ รมต.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อนุมัติงบปี 2560 อีก 15,000 ล้านบาท ต่อยอดปฏิรูปเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 1, 2017 15:44 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ส.ค.--BRAINASIA COMMUNICATION การพัฒนาเศรษฐกิจสู่เป้าหมายไทยแลนด์ 4.0 ต้องขับเคลื่อนไม่เพียงส่วนยอด หากแต่ต้องเคลื่อนไปด้วยกันทั้งฐานปิรามิด นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) ครั้งที่ 1/2560 อนุมัติงบเพิ่มประจำปี 2560 จำนวน 15,000 ล้านบาท เพื่อต่อยอดการเสริมศักยภาพการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก Local Economy ในระดับหมู่บ้านให้เป็นกลไกสำคัญและสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ เสริมทัพการขับเคลื่อนโดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนหมู่บ้านและชุมชมเมืองแห่งชาติ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กล่าวว่า ท่ามกลางบริบทของโลกเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัล มีการเชื่อมโยงที่มากขึ้น การแข่งขันสูงขึ้นและความแน่นอนน้อยลง ทั้งนี้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) เห็นความสำคัญของกองทุนหมู่บ้านที่เป็นกลไกในการผลักดัน Local Economy ซึ่งเป็นเครือข่ายที่มีสมาชิกจำนวนมากกว่า 13 ล้านคน โดยมีกลไกที่สร้างการมีส่วนร่วมในรูปแบบประชาธิปไตยและการทำงานที่โปร่งใส มีการตรวจสอบทุกขั้นตอน ตามนโยบายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนแห่งชาติเพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ มุ่งเน้นการแก้ปัญหาและพัฒนาศักยภาพประชาชนให้อยู่ดีมีสุข การช่วยเหลือเกษตรกร ธุรกิจ SME วิสาหกิจชุมชน และหมู่บ้านทั่วประเทศ การประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560 นี้ เน้นการปฏิรูปขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ โดยกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั้ง 7 หมื่นกว่ากองทุนทั่วประเทศ จะได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากโครงการเพิ่มศักยภาพฯ ตามแนวทางประชารัฐ 15,000 ล้านบาท ภายในเดือนกรกฎาคม 2560 นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ได้ให้ความเห็นชอบแผนงานและแนวทางการฟื้นฟู และพัฒนาศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ในช่วงเดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2560 โดยจะพยายามส่งเสริมสนับสนุนให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่มีปัญหาสามารถฟื้นฟูและยกระดับศักยภาพให้สามารถรับการเพิ่มทุน (ล้านที่ 2) ได้มากที่สุดในปีนี้ นายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชมเมืองแห่งชาติ กล่าวว่า สรุปสาระสำคัญในการประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติครั้งที่ ๑ ตามที่คณะกรรมการ กทบ. ได้มอบหมายและมอบอำนาจให้ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลหน่วยงานของรัฐ กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ โดยนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ได้แต่งตั้งนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์ และ นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และเลขานุการได้รายงานให้ทราบถึงผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนประจำปี 2559 ซึ่งคณะอนุกรรมการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนได้พิจารณาประเมินกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติแล้วอยู่ในระดับดีโดยได้คะแนน 3.5073 นอกจากนี้ ได้รายงานการดำเนินโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ (35,000 ล้านบาท) ในปี 2559 ซึ่งสรุปได้ว่า ได้อนุมัติโครงการไป 66,337 กองทุน วงเงิน 33,131,773,355 บาท (ร้อยละ 94.66 ของเป้าหมาย) โดยโครงการที่เสนอขอและได้รับการสนับสนุนใน 5 อันดับแรก ได้แก่ ร้านค้าชุมชน (ร้อยละ 26.41) น้ำดื่มชุมชน (ร้อยละ 13.31) ปุ๋ย/ยา/เมล็ดพันธ์ (ร้อยละ 12.07) บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตร (ร้อยละ 8.04) และบริการจัดเลี้ยง (ร้อยละ 4.69) ประธานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ยังได้มอบหมายเรื่องการปฏิรูปพัฒนาหมู่บ้าน 4.0 เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและชุมชน รองรับการพัฒนาประเทศสู่เป้าหมายไทยแลนด์ 4.0 พร้อมทั้ง 5 แนวทางยุทธศาสตร์หมู่บ้าน 4.0 คือ 1. สร้างความเข้มแข็งให้กองทุนหมู่บ้าน โดยให้ความรู้แก่กองทุนฯ มีกองทุนพี่ มีบทเรียนและแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกัน 2. ให้บริการประชาชน กองทุนหมู่บ้านฯ ใดเข้มแข็งแล้วก็ช่วยชุมชมหมู่บ้าน ช่วยปลดหนี้นอกระบบ ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 3. สร้างสินค้าเอกลักษณ์เพื่อพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน ภายใต้บริบทกองทุน เชื่อมโยงพัฒนาหมู่บ้านกับเอกลักษณ์และท่องเที่ยว ชุมชน นำอินเตอร์เน็ตมาใช้ประโยชน์ต่อการดำเนินงานของกองทุน 4. ใช้กองทุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน เมื่อฐานสามเหลี่ยมขยับก็จะขยับขับเคลื่อนภาพรวมได้ ปี2559 จำนวน 35,000 ล้านบาท และปี 2560 จำนวน 15,000 ล้านบาท 5. สร้างผู้นำสัมมาประชารัฐ ปี2560 เป้าหมาย 8,000 คน ทั้งผู้นำด้านเศรษฐกิจ ส่งเสริมผู้ประกอบการ, ผลิตภัณฑ์และตลาด รวมทั้ง ผู้นำด้านสังคม ส่งเสริมสวัสดิการ, ผู้สูงอายุ, เด็ก, คนว่างงาน, ผู้พิการ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ