PwC คาดรายได้อุตฯ สื่อและบันเทิงไทยแตะ 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2564

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 1, 2017 17:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ส.ค.--PwC ประเทศไทย PwC คาดมูลค่าการใช้จ่ายผ่านอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงไทยแตะ 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 4.32 แสนล้านบาท ในปี 2564 โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 5.9% (ในช่วงปี 2560-2564) ในขณะที่มูลค่าการใช้จ่ายผ่านอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงทั่วโลกจะเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 4.2% คิดเป็นมูลค่าใช้จ่ายราว 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 76.6 ล้านล้านบาท ลดลงจากการสำรวจปีก่อนที่คาดว่า จะเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 4.4% รายงาน PwC's Global entertainment and media outlook 2017-2021 ซึ่งทำการสำรวจทิศทางอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงทั่วโลก ระบุว่า ความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality) และ การแข่งขันวิดีโอเกมคอมพิวเตอร์ (E-Sport) เป็นตลาดสื่อและบันเทิงหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงในปีนี้ แต่ภาพรวมของอุตสาหกรรมทั่วโลกยังคงเผชิญกับภาวะชะลอตัว เนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้น รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงในการทำธุรกิจของภาคธุรกิจสื่อและบันเทิง นาง ณฐพร พันธุ์อุดม หุ้นส่วนสายงานตรวจสอบบัญชี บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าวว่า "วันนี้อุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรมของผู้บริโภค ผลกระทบจากการเข้ามาของเทคโนโลยีสมัยใหม่ หรือแม้กระทั่ง การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากคู่แข่งทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ "แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายของการก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางสภาวะที่ชะลอตัวเช่นนี้ แต่เราเชื่อว่าผู้ประกอบการจะต้องทำการบ้านให้หนักมากขึ้นเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า โดยพัฒนาคอนเทนต์ที่ทำให้เกิดการแชร์และการมีส่วนร่วม อีกทั้งต้องหาประโยชน์จากการนำข้อมูลและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้อย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า และสร้างโอกาสในการทำรายได้ให้ดียิ่งขึ้น" นาง ณฐพร กล่าว คาดตลาดโฆษณาออนไลน์เติบโตสูงสุดในไทย ทั้งนี้ PwC ยังคาดการณ์ว่า ในปี 2564 ตลาดหลักของอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงของไทย เช่น หนังสือพิมพ์ จะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีถดถอยที่ราว -1.8% ขณะที่ธุรกิจโฆษณาออนไลน์จะก้าวขึ้นมาเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง แม้ว่าตลาดโฆษณาออนไลน์ของไทยจะยังมีขนาดเล็กเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค โดยคาดว่า มูลค่าการใช้จ่ายจะแตะ 725 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 2.41 หมื่นล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 20.3% รายงานยังระบุอีกว่า จำนวนการใช้งานอินเทอร์เน็ตบ้าน อินเทอร์เน็ตบนมือถือ และสังคมออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้นของผู้บริโภคไทย จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจโฆษณาออนไลน์เติบโตอย่างต่อเนื่อง นาง ณฐพร กล่าวต่อว่า "ด้วยความนิยมของการใช้โซเชียลมีเดียของคนไทยที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จะยิ่งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและนักโฆษณา สามารถใช้แพลตฟอร์มนี้เป็นช่องทางอีคอมเมิร์ซในการนำเสนอสินค้าและบริการ เพื่อกระตุ้นยอดขาย และโต้ตอบกับผู้บริโภคได้มากขึ้น" สอดคล้องกับรายงานของ PwC ที่ระบุว่า ปัจจุบันไทยมีผู้ใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่น เฟสบุ๊ค อยู่ที่ราว 37 ล้านคน ตลาดเกมและวิดีโอบนอินเทอร์เน็ตกำลังมาแรง นอกจากนี้ PwC ยังคาดว่า มูลค่าการใช้จ่ายของตลาดวิดีโอเกมจะเติบโตรวดเร็วเป็นอันดับที่สองของอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงไทย เนื่องจากความนิยมในการเล่นเกมผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลาย ขณะที่คนไทยก็เริ่มหันมารับชมรายการต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่าการรับชมโทรทัศน์และวิดีโอภายในบ้านแบบดั้งเดิม โดยในปี 2564 มูลค่าการใช้จ่ายผ่านธุรกิจวิดีโอเกมของไทยคาดจะเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 18.4% แตะ 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 5.66 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์และการใช้งานสมาร์ทโฟนที่เพิ่มมากขึ้น กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของตลาดวิดีโอเกม ซึ่งเดิมถูกจำกัดอยู่ในกลุ่มผู้เล่นอายุน้อยและขนาดของตลาดที่ไม่ใหญ่มากนัก นอกจากนี้ พัฒนาการด้านต่างๆ ในโลกเกมออนไลน์ เช่น จำนวนผู้ผลิต และ กลุ่มผู้เล่นที่ขยายวงกว้างมากขึ้น จะทำให้วิดีโอเกมกลายเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ "ตลาดวิดีโอเกมของไทย ถือเป็นตลาดที่กำลังทำเงินและน่าจับตามองอยู่ในขณะนี้ โดยไทยถือเป็นตลาดที่มีอัตราเฉลี่ยเติบโตต่อปีสูงสุดในอาเซียน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์อีกด้วย" นาง ณฐพร กล่าว นอกเหนือจากตลาดวิดีโอเกมที่กำลังได้รับความนิยม PwC คาดว่า รายได้จากธุรกิจวิดีโอจากการสตรีมมิ่งบนอินเทอร์เน็ตของไทย จะเติบโตรวดเร็วเป็นอันดับที่สาม โดยจะมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ราว 11.4% แตะ 38 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1.26 พันล้านบาท ในปี 2564 นอกจากนี้ รายงานของ PwC ยังคาดการณ์ว่า รายได้จากธุรกิจวิดีโอบนอินเทอร์เน็ตของไทยจะเติบโตแซงหน้าธุรกิจวิดีโอที่รับชมทางบ้านได้เป็นครั้งแรกในปี 2562 แม้ความเร็วของอินเทอร์เน็ตและความคมชัดของภาพและเสียงผ่านอุปกรณ์เครื่องรับจะเป็นปัจจัยที่มีผลต่ออรรถรสในการรับชมก็ตาม ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดวิดีโอจากการสตรีมมิ่งบนอินเทอร์เน็ตของไทยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานั้นพบว่า เมื่อปี 2558 บริษัทผู้ให้บริการแอปพลิเคชันส่งข้อความรายใหญ่ของญี่ปุ่น อย่าง ไลน์ ได้เปิดตัวไลน์ทีวี ซึ่งเป็นบริการรับชมคอนเทนต์ประเภทรายการทีวี ละคร และมิวสิควิดีโอต่างๆ ผ่านทางสมาร์ทโฟนที่รองรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ iOS และเว็บไซต์ในไทย ส่วนในปีถัดมา เน็ตฟลิกซ์ ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ก็เข้ามาเปิดตลาดในเมืองไทยเช่นกัน เพื่อขยายฐานผู้ชมไปทั่วโลก นี่จึงสะท้อนให้เห็นถึง กระแสความนิยมของธุรกิจวิดีโอตามคำขอและกลุ่มผู้บริโภคภายในประเทศที่ชอบรับชมภาพยนตร์และซีรีย์ที่ค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ