กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (AEONTS) ที่ 'A-(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ สำหรับรายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดแสดงไว้ในส่วนท้าย
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตภายในประเทศของ AEONTS พิจารณาจากความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวบริษัทเอง AEONTS เป็นหนึ่งในบริษัทที่ประกอบธุรกิจสินเชื่ออุปโภคบริโภค (consumer finance) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลในระดับดีมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทยังมีเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศและเครือข่ายทางธุรกิจที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง อันดับเครดิตภายในประเทศยังสะท้อนถึงโครงสร้างธุรกิจของบริษัทที่มีการกระจายตัวในระดับที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับสถาบันการเงินใหญ่ การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมสินเชื่ออุปโภคบริโภคจากทั้งสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (non-bank financial institutions) และธนาคารพาณิชย์ และการพึ่งพาการระดมทุนผ่านตลาดทุนและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน (wholesale funding)
สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานสำหรับสถาบันการเงินไทยอยู่ในระดับที่ค่อนข้างอ่อนแอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากการที่เศรษฐกิจมีการเติบโตในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ และอัตราส่วนหนี้สินครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ( 79% ของ GDP ณ มีนาคม 2560) ยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อภาวะการบริโภคของภาคเอกชน แต่อย่างไรก็ตาม AEONTS ยังคงสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้บริษัทมีฐานะเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฟิทช์มองว่าด้วยขนาดสินทรัพย์และความชำนาญในธุรกิจของ AEONTS บริษัทน่าจะสามารถดำเนินธุรกิจให้มีกำไรได้อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงวัฎจักรของธุรกิจในภาวะปรกติ นอกจากนี้ฟิทช์ยังเชื่อว่าด้วยฐานะเงินทุนและสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของ AEONTS ในระดับปัจจุบัน น่าจะทำให้บริษัทสามารถรับมือกับความเสี่ยงจากการปรับตัวแย่ลงของคุณภาพสินทรัพย์ รวมทั้งความเสี่ยงที่บริษัทอาจจะต้องมีการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญในระดับที่สูงขึ้น จากการที่มาตรฐานบัญชี IFRS 9 จะมีผลบังคับใช้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
อันดับเครดิตภายในประเทศของ AEONTS อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตถ้าบริษัทยังคงสามารถเพิ่มขนาดสินทรัพย์และธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริษัทมีโครงสร้างรายได้ที่มีการกระจายตัวมากขึ้นและความสามารถในการทำกำไรที่สม่ำเสมอ ในขณะที่บริษัทต้องสามารถรักษาระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk appetite) ให้อยู่ในระดับเดิมและสามารถรักษาผลการดำเนินงานและฐานะเงินทุนให้อยู่ในระดับที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสหกรรมได้ต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดอันดับหากภาวะเศรษฐกิจมีการชะลอตัวลงอย่างรุนแรงเป็นเวลาต่อเนื่อง และส่งผลให้ฐานะทางการเงินของบริษัทปรับตัวอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในด้านคุณภาพสินทรัพย์และฐานะเงินทุน
รายละเอียดของอันดับเครดิตมีดังต่อไปนี้:
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'A-(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F2(tha)'
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันคงอันดับที่ 'A-(tha)'