มอบหนังสืออนุญาตฯให้สหกรณ์ปฏิรูปที่ดิน ๔ สหกรณ์ แก้ปัญหาผู้ไร้ที่ดินทำกิน จังหวัดสระแก้ว ในพื้นที่ยึดคืนตามนโยบายรัฐบาล

ข่าวทั่วไป Tuesday August 29, 2017 19:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 ส.ค.--สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบหนังสืออนุญาตให้สถาบันเกษตรกรเข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ให้แก่สหกรณ์ปฏิรูปที่ดินอำเภอ (คทช.) จำกัด จำนวน 4 สหกรณ์ ณ หมู่ที่ 1 ตำบลหนองม่วง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว โดยมี พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และพลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้การต้อนรับและร่วมในพิธี เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2560 พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า "หลังจากที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้พิจารณาออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 36/2559 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 เรื่องมาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้ดำเนินการยึดคืนพื้นที่กับผู้ครอบครองโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน เนื้อที่ 310,167 ไร่ ในพื้นที่ 28 จังหวัด และจะนำที่ดินดังกล่าวมาจัดสรรให้เกษตรกรในรูปแบบกลุ่มหรือสถาบันเกษตรกร ตามนโยบายคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาการไร้ที่ดินทำกินที่อยู่อาศัยของผู้ยากไร้ และลดความเหลื่อมล้ำของสังคม โดยในปี 2560 ส.ป.ก. มีพื้นที่ที่นำมาดำเนินการจัดสรรให้เกษตรกร จำนวนทั้งสิ้น 100,000 ไร่ ขณะนี้ พื้นที่มีความพร้อมต่อการนำมาจัดสรรให้เกษตรกร 6 จังหวัด คือ จังหวัดสระแก้ว จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดชลบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ 16,742 ไร่ สามารถรองรับเกษตรกรได้ 1,384 ราย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้กราบเรียบเชิญท่านนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการพิธีมอบหนังสืออนุญาตฯ ในวันที่ 28 สิงหาคม 2560 นี้" นายสมปอง อินทร์ทอง เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า "ในส่วนจังหวัดสระแก้ว ขณะนี้ ส.ป.ก. ได้ดำเนินการยึดคืนพื้นที่แล้ว จำนวน 10 แปลง เนื้อที่กว่า 3,342 ไร่ ในพื้นที่ 4 อำเภอ คือ อำเภอโคกสูง อำเภออรัญประเทศ อำเภอวัฒนานคร และอำเภอวังน้ำเย็น หลังจากยึดคืนพื้นที่มาแล้ว ส.ป.ก. บูรณาการร่วมกันกับหลายหน่วยงาน เพื่อพัฒนาพื้นที่และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้พร้อมต่อการเข้าทำกินของเกษตรกร อาทิ งานพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร โดยกรมชลประทานและกรมพัฒนาที่ดิน งานปรับพื้นที่ งานก่อสร้างถนน โดย ส.ป.ก. และกรมการทหารช่าง กองทัพบก งานพัฒนาแหล่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล การสร้างที่อยู่อาศัย โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. นอกจากนี้เรื่องการขยายเขตไฟฟ้า ได้รับการช่วยเหลือจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และกรมการส่งเสริมการปกครอง ส่วนท้องถิ่น ดูแลการพัฒนาคุณภาพชีวิต สวัสดิการต่างๆ ของเกษตรกร" การจัดที่ดินดังกล่าว ส.ป.ก. ได้ดำเนินการจัดที่ดินตามนโยบาย คทช. ซึ่งเป็นการจัดที่ดินให้ชุมชนโดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ แต่เป็นการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ คทช. กำหนด ในรูปแบบสหกรณ์หรือสถาบันเกษตรกร โดยจังหวัดสระแก้ว มีเกษตรกรผู้ยากไร้ไม่มีที่ดินทำกินและเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานโครงการของรัฐ มาขอขึ้นทะเบียนทั้งหมดกว่า 14,000 ราย และในพื้นที่ 4 อำเภอ คือ อำเภอโคกสูง อำเภอวัฒนานคร อำเภออรัญประเทศ และอำเภอวังน้ำเย็น มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนไว้ทั้งหมด 8,156 ราย และผ่านการคัดเลือกจาก คทช. จังหวัดสระแก้ว จำนวน 303 ราย ส่วนที่เหลือให้ขึ้นบัญชีไว้พิจารณาต่อไป เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวเพิ่มเติมว่า "ขณะนี้ จังหวัดสระแก้วมีการจดทะเบียนจัดตั้งสหกรณ์ขึ้นแล้ว จำนวน 4 แห่ง คือ 1. สหกรณ์ปฏิรูปที่ดินอำเภอโคกสูง (คทช.) จำกัด 2.สหกรณ์ปฏิรูปที่ดินอำเภออรัญประเทศ (คทช.) จำกัด 3.สหกรณ์ปฏิรูปที่ดินอำเภอวัฒนานคร (คทช.) จำกัด 4.สหกรณ์ปฏิรูปที่ดินอำเภอวังน้ำเย็น (คทช.) จำกัด จัดสรรให้เกษตรกรรายละ 5 + 1 ไร่ คือ แปลงที่อยู่อาศัย 1 ไร่ แปลงเกษตรกรรม 5 ไร่ และมีพื้นที่ส่วนกลางให้เกษตรกรใช้ประโยชน์ร่วมกัน พื้นที่เป็นที่ตั้งสหกรณ์ฯ ที่สาธารณประโยชน์ เช่น ถนนหนทาง แหล่งน้ำ ประปา บ่อบาดาล รวมเนื้อที่กว่า 3,342 ไร่ สามารถรองรับเกษตรกรได้ 303 ราย" นอกจากการจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกินแล้ว หน่วยงานต่างๆ ภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังร่วมกันบูรณาการส่งเสริมการเกษตรพัฒนาอาชีพให้แก่เกษตรกร ให้มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต อาทิ ส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ โดยกรมปศุสัตว์ เพื่อเป็นอาชีพหลัก เนื่องจากในพื้นที่มีตลาดรองรับ และ มีการส่งเสริมให้ปลูกพืชระยะสั้น อาทิ พืชผัก โดยกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน นอกจากนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมหม่อนไหม กรมประมง และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ยังเข้ามาส่งเสริมอาชีพและการให้ความรู้ในด้านต่างๆ ด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ