บทความ จาก ธนาคารยูโอบี เรื่อง "Run Together, Alright! วิ่งไปด้วยกัน สนุกไปด้วยกัน"

ข่าวทั่วไป Friday September 8, 2017 15:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ก.ย.--ChomPR ไม่ว่าคุณจะเป็นนักวิ่งมือใหม่ หรือจะเป็นนักวิ่งที่กำลังมองหาเทคนิคให้วิ่งได้นานขึ้น เหนื่อยน้อยลง เรามี 7 คำแนะนำมาฝาก เผื่อเก็บไว้เตรียมตัวกับการแข่งขันที่กำลังจะมาถึงนี้ จะได้วิ่งไปด้วยกัน สนุกไปด้วยกัน 1.คิดว่าการวิ่งคือการพักผ่อน ใครที่เครียดจากชีวิตประจำวัน หรืองานการที่หนักหนาสาหัส ถ้าเพียงได้ออกกำลังกายก็จะรู้สึกสดชื่นขึ้น ผ่อนคลายขึ้น การวิ่งก็เช่นเดียวกัน ลองใส่รองเท้ากีฬาออกไปวิ่งในสวน วิ่งไปเรื่อยๆ ฟังเสียงลม เสียงใบไม้ หรือฟังเพลงที่ชอบ แต่นี้ก็จะรู้สึกว่าการวิ่งมันพาเราหายไปจากความวุ่นวาย หายเครียดเป็นปลิดทิ้ง 2.จัดสรรเวลาซ้อมวิ่ง ถ้าตั้งใจจะลงแข่งวิ่งแล้ว (ถึงแม้จะไม่ได้คิดจะแข่งกับใครก็ตาม) ก่อนถึงวันแข่งจริงก็ควรวางแผนซักซ้อมการวิ่งอย่างสม่ำเสมอเพื่อเตรียมความพร้อมให้ร่างกายเกิดความคุ้นเคย อย่าข้ออ้างเยอะ วันนี้เหนื่อย รถติด ขี้เกียจ ฯลฯ เพราะทุกคนก็มีเวลาแต่ละวันเท่ากัน คนอื่นยังจัดสรรเวลาได้เลย ทำไมเราจะทำไม่ได้ 3.อย่ากังวลกับการวิ่งของคนอื่น วิ่งแล้วก็เหนื่อยเร็ว วิ่งแป๊บเดียวหยุด วิ่งอีกหน่อยหยุด หันไปมองคนอื่นทั้งเร็วกว่า นานกว่า วิ่งทบรอบเราไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว สุดท้ายจะกลายเป็นท้อ และไม่สนุกกับการวิ่ง ทางที่ดีคืออย่าสนใจกับการวิ่งของคนรอบข้างจนเกินไป วิ่งตามกำลังตัวเอง ผลักดันให้ตัวเองวิ่งได้ระยะเพิ่มขึ้นทีละนิดๆ แต่อย่าพยายามกดดันให้วิ่งได้เหมือนคนอื่น หรือพอเห็นวิ่งไม่ได้แบบคนอื่นก็ท้อ ของแบบนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป จำไว้ว่าคนเดียวที่เราจะเอาชนะก็คือตัวเราเองนั่นแหละ 4.ไม่ท้อกับประสบการณ์ที่ผ่านมา บางคนเคยวิ่งแล้วเจ็บ วิ่งแล้วไม่ถึงเส้นชัย พอมีกิจกรรมวิ่งก็เลยหลีกเลี่ยงกลัวความผิดพลาดซ้ำรอย ที่จริงนักวิ่งที่เก่งๆ หลายคนก็เคยเป็นอย่างเรามาก่อน แต่เขาก็ก้าวข้าม เอาชนะอุปสรรคมาได้ด้วยการเรียนรู้จากประสบการณ์ เพราะฉะนั้นเราก็ควรเรียนรู้ไปกับมันเช่นกัน 5.เดินบ้างก็ได้ ใช่แล้ว... เดิน อาจเป็นสิ่งที่นักวิ่งสายอึดคงไม่ทำบ่อย แต่ถ้าเป็นนักวิ่งแบบ Fun Run (มาวิ่งสนุกๆ ไม่ได้กะเอาสถิติอะไร) เมื่อรู้สึกล้า ก็สลับเดินบ้างประมาณ 30-60 วินาที ต่อ 1.5 กิโลเมตร จะสามารถช่วยให้วิ่งได้ไกลขึ้น ทั้งยังช่วยลดอัตราหายใจ ความอ่อนล้า และช่วยตั้งสติในการวิ่งต่อไป 6.พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าหักโหมร่างกายจนอ่อนล้าเกินไป ระหว่างซุ่มซ้อมก็ควรเผื่อวันพักร่างกายไว้บ้าง เพื่อให้ร่างกายได้พักฟื้น และพัฒนากล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น เมื่อถึงวันแข่งจริงเราจะได้พร้อมลุย! 7.YOLO ชีวิตแบบไหน ก็เต็มที่ได้ทุกวัน เพราะฉะนั้นอย่ากลัวความเหน็ดเหนื่อย สิ่งนี้เกิดขึ้นกับทุกคน แม้จะเป็นนักวิ่งที่เก่งแล้ว ของแบบนี้จึงอยู่ที่ใจล้วนๆ ควรตั้งเป้าหมายให้กับตัวเอง แล้วค่อยๆ ผลักดันให้ตัวเองไปถึง พอทำได้แล้วจะรู้เลยว่า ความเหนื่อยล้าที่เคยเจอ เราทิ้งไว้ข้างทางตรงไหนแล้วก็ไม่รู้ แล้วรู้สึกสนุกไปกับกิจกรรมใหม่ๆ ที่จะมาเติมเต็มสีสันให้กับชีวิตดีกว่า ที่มา : ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ