กรุงเทพฯ--4 ต.ค.--สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น
เวลาเปลี่ยน…โลกก็เปลี่ยน ประโยคนี้ก็ยังใช้ได้อยู่เสมอ ๆ จากเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิต ทั้งที่มีส่วนช่วยให้ชีวิตสะดวกสะบายมากขึ้น เรียบง่ายมากขึ้น ลงตัวมากขึ้น หรือไลฟ์สไตล์ของมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไป การทำธุรกิจก็เช่นกัน ทุก ๆ คนคงทราบกับดีว่าไม่ว่าจะธุรกิจใด ๆ ก็ควรจะพิจารณาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคหรือกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจนั้น ๆ เพื่อที่การโฆษณาหรือโปรโมทสินค้าต่าง ๆ จะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น แต่คำถามคือ.. แล้วจะทราบพฤติกรรมนั้น ๆ ได้อย่างไร ?
บางครั้งอาจจะใช้การสังเกตเอาแบบผิวเผิน อย่างการสังเกตพฤติกรรมชีวิตคนทำงาน เมื่อพวกเขากำลังรอรถประจำทางระหว่างนั้นพวกเขามักจะทำอะไร เมื่อจะซื้อของใช้หรือสิ่งของต่าง ๆ ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะไปห้างสรรพสินค้าหรือไม่ หรือพวกเขาเพียงแค่จิ้มหน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างเดียว
คำตอบก็คงเป็นช่องทางโซเชียลมีเดียที่จะเข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด งานวิจัยจาก Connected World ของซิสโก้ที่ให้บริษัทวิจัยอย่าง Insight Express ในการทำวิจัยสำรวจพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ของคนทั่วโลก พบว่า 90% ของคน Generation Y จะเช็คโทรศัพท์มือถือเพื่อดูข้อความ ข่าว อัพเดทต่าง ๆ ก่อนจะลุกจากเตียงนอนตอนเช้า ในขณะที่คนไทยสูงถึง 98% ซึ่งเป็นคำตอบใด้ว่า ธุรกิจใด ๆ ก็ควรจะตามยุคสมัยให้มากขึ้น การทำการตลาดออนไลน์จึงเป็นช่องทางที่ตอบโจทย์ยุคสมัยนี้มากที่สุด
ตัวอย่างจากโมเดลธุรกิจของนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งใช้ฮอกวอร์ตโมเดลแบ่งเป็นกลุ่มบ้านเพื่อสร้างธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งขึ้นมา ซึ่งบ้านเอธเทลเบิร์ธทำธุรกิจเกี่ยวกับทุเรียนแปรรูปด้วยการทำแบรนด์ที่สร้างขึ้นเอง คือ ทุเรียนทอดลุงรอด และเป็นตัวแทนจำหน่ายทุเรียน Freeze dried ภายใต้แบรนด์หนุมาน ณ ปัจจุบันบ้านเอธเทลเบิร์ธออกสินค้าตัวใหม่แล้ว คือ ข้าวเหนียวอบกรอบสอดไส้ครีมชีสทุเรียนภายใต้ชื่อ "ลุงรอดโรล" การตลาดหลักของบ้านเอธเทลเบิร์ธคือการทำผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งทาง Facebook Page, Instagram, twitter และ line official เป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุดและหลากหลาย ที่สำคัญบ้านเอธเทลเบิร์ธไม่เพียงแต่ใช้ช่องทางต่าง ๆ ในการขายสินค้าทุเรียนแปรรูปอย่างเดียว แต่เป็นการให้ข้อมูล ข่าวสารและความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับทุเรียน ทำออกมาในรูปแบบของ Infographic ที่ทุก ๆ คนสามารถอ่านและเข้าใจจากภาพได้โดยง่าย การทำเกมส์จากรูปภาพต่าง ๆ ให้เกิดการแบ่งปันข้อมูลมากขึ้น หรือสร้างแคมเปญแจกสินค้าขึ้นมาเพื่อขอบคุณลูกค้า และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งทำให้บ้านเอธเทลเบิร์ธมีความมั่นคงมากจนสามารถมีสินค้าใหม่ ๆ ออกมาได้ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีจุดเริ่มต้นมาจากการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคของคนรุ่นใหม่ ทำให้บ้านเอธเทลเบิร์ธเล็งเห็นถึงความสำคัญของการทำการตลาดออนไลน์ ทั้งความสามัคคีของสมาชิกในทีมที่เชื่อในแบรนด์ เชื่อในสินค้า เชื่อในทีม เชื่อในตัวเอง ร่วมกันผลักดันธุรกิจให้โดดเด่นและมีบทบาทในพื้นที่ตลาดออนไลน์
เรียบเรียงโดย นางสาวบุญญิสา ทัศสำราญ
คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ ชั้นปีที่ 4
สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (TNI)