กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--ThaiMedhub Agency
เว็บไซต์สุขภาพ medhubnews.com รายงานว่า สำนักข่าวต่างประเทศหลายๆ แห่งได้นำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจ และ ท้าทายในการแก้ปัญหาสุขภาพในผู้ที่สูบบุหรี่ ซึ่งการสูบบุหรี่มวนนั้น มีสารก่อมะเร็ง มากกว่า 70 ชนิด ยิ่งสูบบุหรี่นานเท่าไรก็ยิ่งเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บที่บั่นทอนชีวิตให้สั้นลง
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ถือเป็นความท้าทายต่อสังคมในยุคดิจิตอล ที่จะลุกขึ้นมา "ปฏิวัติวงการสุขภาพ" และ "ปฏิวัติสื่อสายสุขภาพ" ให้ก้าวทันข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริง มากกว่าการนำเสนอตามข่าวแจกเท่านั้น เรื่องราวที่น่าตื่นเต้นนี้
ทาง "กระทรวงสาธารณสุขนิวซีแลนด์" ได้ออกแถลงการณ์ ระบุให้การสนับสนุน "บุหรี่ไฟฟ้า" เป็นทางเลือกของผู้สูบบุหรี่ เพื่อให้ประเทศบรรลุเป้าหมายประเทศปลอดควันภายในปี 2025
สำหรับ แถลงการณ์จุดยืนของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ ( E-cigarettes ) นั้น เมื่อไม่นานมานี้ทางรัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ตั้งเป้าเป็นประเทศปลอดบุหรี่ภายในปี 2568 ( Smokefree 2025 )
โดยมีเป้าหมายเพื่อลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ให้อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด โดยกระทรวงสาธารณสุขเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีศักยภาพที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายนี้ได้
สำหรับ บุหรี่ไฟฟ้ามีศักยภาพในการช่วยลดปัญหาสาธารณสุขจากการสูบบุหรี่ ในฐานะทางเลือกสำหรับการเลิกบุหรี่ของผู้สูบบุหรี่ชาวนิวซีแลนด์กว่า 550,000 รายได้ ในขณะเดียวกัน ต้องไม่เป็นเครื่องมือที่ชักจูงเด็กและผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ให้หันมาสนใจการสูบบุหรี่
รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ตัดสินใจที่ให้ความสำคัญกับการลดอันตรายจากการสูบบุหรี่ ( Harm Reduction ) โดยมีจุดประสงค์ที่จะสนับสนุนให้ผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ อย่างเช่น บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนให้ผู้สูบบุหรี่ที่ต้องการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเครื่องมือช่วยเลิกบุหรี่สามารถขอความช่วยเหลือจาก "ศูนย์บริการช่วยเลิกบุหรี่" ในท้องถิ่นได้
ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้า เป็นอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอันตรายใดเลย มีการพบสารพิษหลายชนิดในไอบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์รวมถึงสารก่อมะเร็งบางชนิด
แต่โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่พบในควันบุหรี่หรือในระดับที่ไม่น่าจะก่อให้เกิดอันตราย ผู้สูบบุหรี่ที่เปลี่ยนไปใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มอย่างมากที่จะลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของตนเองและบุคคลรอบข้างได้
ปัจจุบันนี้ยังไม่มีข้อกำหนดเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่บังคับโดยเฉพาะสำหรับบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ในนิวซีแลนด์ อย่างไรก็ตามต้องใช้งานตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ทั่วไป
กระทรวงสาธารณสุขจะติดตามตรวจสอบการใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ ผลกระทบต่อสุขภาพในระดับบุคคลและระดับและประชากร รวมถึงผลกระทบในระยะยาวและประสิทธิภาพในฐานะผลิตภัณฑ์ที่ใช้ช่วยเลิกสูบบุหรี่ รวมทั้งหลักฐานและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่มีขึ้น
กระทรวงสาธารณสุขจะยังคงปฏิบัติตามข้อผูกพันภายใต้ข้อ 5.3 ของอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบของ WHO เพื่อปกป้องนโยบายสาธารณสุขจากผลประโยชน์ทางการค้าและส่วนได้เสียอื่น ๆ ของอุตสาหกรรมยาสูบ
ขณะที่ สาระสำคัญในแถลงการณ์ อ่านชัดๆ ได้ดังนี้ "สิ่งที่ดีที่สุดที่ผู้สูบบุหรี่สามารถทำได้เพื่อสุขภาพของตนคือการเลิกบุหรี่อย่างถาวร"
"บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์มีไว้สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่อยู่แล้วเท่านั้น" "กระทรวงเชื่อว่าบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์สามารถช่วยยับยั้งปัญหาความไม่เท่าเทียมกันและช่วยส่งเสริมเป้าหมาย Smokefree 2025"
"บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์มีหลักฐานว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าการสูบบุหรี่ทั่วไป แต่ไม่ใช่ไม่มีอันตรายใดเลย" "รายงาน Cochrane Review พบว่าบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์สามารถช่วยคนเลิกบุหรี่ได้ แต่ยอมรับว่าไม่มีหลักฐานรองรับมากนักเนื่องจากข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังมีน้อย"
"ผู้สูบบุหรี่ที่พยายามใช้วิธีอื่น ๆ ในการเลิกสูบบุหรี่แล้วไม่ประสบความสำเร็จอาจได้รับการสนับสนุนให้ใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์เพื่อเลิกบุหรี่ทั่วไป ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ควรสนับสนุนผู้สูบบุหรี่ให้ใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์เพื่อเลิกบุหรี่"
"ไม่มีหลักฐานจากนานาชาติที่ระบุว่าบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ทำให้การสูบบุหรี่ในผู้ใหญ่และเยาวชนลดลงในระยะยาว และในความเป็นจริงอาจทำให้คนสูบบุหรี่มากขึ้นด้วย"
"แม้จะมีการทดลองบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ในหมู่ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่อยู่บ้าง แต่บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์นั้นดึงดูดให้ผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่แค่เพียงไม่กี่รายมาเป็นผู้ใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ประจำ"
"เมื่อใช้ตามจุดประสงค์ บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการรับพิษสารนิโคตินต่อผู้ใช้แต่ของเหลวที่บรรจุในบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันเด็กหยิบใช้"
"กระทรวงสาธารณสุขกำลังดำเนินการเพื่อระบุมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ในนิวซีแลนด์ ในระหว่างนี้ผู้สูบบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ควรซื้อผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ร้านค้าปลีกที่มีความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์"
ข่าวสารจากต่างประเทศเหล่านี้ ...เราสามารถเข้าถึงง่ายๆ โดยการเรียนรู้ ศึกษา ในเว็บไซต์หน่วยงานภาครัฐ เอกชนที่มีงานวิจัยทางวิชาการ และ เว็บไซต์สื่อต่างประเทศที่นำเสนอความจริงอย่างตรงไป ตรงมาเช่น BBC CNN The Guardian ฯลฯ โดยใช้เครื่องมือแปลภาษาที่มีอยู่จำนวนมาก ซึ่งจะทำให้เกิดความชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น