กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.70-33.00 มองบาทแข็งค่าต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 20, 2017 13:24 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.70-33.00 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 32.85 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วหลังผ่านระดับ 33.00 และทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 2 ปีครึ่งครั้งใหม่ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยด้วยมูลค่า 6.0 พันล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสูงถึง 2.54 หมื่นล้านบาท ส่วนดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับยูโรและเยน เนื่องจากตลาดขาดความเชื่อมั่นในเรื่องการผลักดันมาตรการด้านการคลังอย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาวรวมถึงเสถียรภาพทางการเมืองภายในสหรัฐฯ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจยูโรโซนออกมาดีต่อเนื่อง กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดโลกจะให้ความสนใจกับสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมถึงบันทึกการประชุมเฟดรอบล่าสุด ส่วนการที่ร่างกฎหมายลดอัตราภาษีผ่านสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แล้วนั้น ขั้นตอนต่อไปจะอยู่ที่การอภิปรายของวุฒิสภา ซึ่งคาดว่าจะเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ อาทิ ความกังวลเรื่องยอดขาดดุลงบประมาณ การประกันสุขภาพ และประเด็นความเหลื่อมล้ำด้านสังคมจากผลประโยชน์ทางภาษี ซึ่งวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันบางรายต่อต้านร่างกฎหมายนี้ โดยพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาเพียง 52 ต่อ 48 เสียง ดังนั้นหากมีวุฒิสมาชิกพรรคเกิน 3 รายลงคะแนนคัดค้านร่างกฎหมายนี้จะไม่ผ่าน สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านขาลงของดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าปริมาณธุรกรรมในตลาดโลกจะเบาบางลงท้ายสัปดาห์นี้ เนื่องจากตลาดสหรัฐฯ หยุดทำการช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าและตลาดจะให้ความสนใจเกี่ยวกับกิจกรรมการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนช่วง Black Friday และ Cyber Monday สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ล่าสุดสภาพัฒน์รายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ขยายตัวสูงถึง 4.3% เทียบปีต่อปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาดไว้ และเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 18 ไตรมาส โดยสภาพัฒน์ได้ปรับเพิ่มประมาณการอัตราการเติบโตของมูลค่าส่งออกในปีนี้เป็น 8.6% จากเดิม 5.7% เราคาดว่าการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย กระแสเงินทุนไหลเข้าระลอกใหม่ท่ามกลางปัจจัยความไม่แน่นอนต่อนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะส่งผลให้เงินบาทในช่วงที่เหลือของปีเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้นและมีแนวโน้มแข็งค่าต่อได้ แม้ในปีนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นแล้วกว่า 9% ซึ่งถือว่ามากที่สุดเป็นอันดับสองในเอเชียโดยเป็นรองเพียงแค่เงินวอนของเกาหลีใต้ซึ่งแข็งค่าราว 10%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ