กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย
บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) รัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงการคลัง ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กร ที่ระดับ AA- และจัดอันดับเครดิตพันธบัตรไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท ที่ระดับ AA- ซึ่งแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสว่ารัฐบาลยังให้การสนับสนุนการมีตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อทำหน้าที่พัฒนาตลาดทุน และส่งเสริมตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยของประเทศไทย
นางวสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ กรรมการและผู้จัดการ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) เปิดเผยว่า "บตท. รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับรายงานจากทริสเรทติ้ง ในการคงอันดับเครดิตองค์กร และพันธบัตรไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บตท. ที่ระดับ AA- ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" ซึ่งเชื่อว่าเหตุผลหลักน่าจะมาจากการที่ บตท.
มีกระทรวงการคลังถือหุ้น 100% และรัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับการมีตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อเป็นกลไกในการจัดหาแหล่งทุนเพื่อสนับสนุนตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยในประเทศ อันดับเครดิตที่ได้รับนี้ จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนตราสารหนี้และประชาชนทั่วไป หน่วยงานกำกับดูแล บตท. ภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง
บตท. มีเป้าหมายหลักในการพัฒนาตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย ด้วยการนำหลักการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์มาใช้เพื่อให้สามารถระดมทุน โดยการออกตราสารการเงินที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยหรือกระแสเงินหนุนหลัง (Mortgage-Backed Securities หรือ Asset-Backed Securities) เพื่อสนับสนุนผู้ที่ต้องการขยายสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้เพียงพอและสม่ำเสมอ เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับในปีหน้า บตท. วางแผนจะซื้อพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยคุณภาพดี โดยไม่จำกัดเพียงจากธนาคารเท่านั้น แต่จะพิจารณาถึงหน่วยงานรัฐที่ทำธุรกิจที่อยู่อาศัย เช่น การเคหะแห่งชาติ สถาบันการเงินที่ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยต่างๆ ในวงกว้างขึ้นกว่าเดิม และในอนาคตจะพิจารณาขยายไปถึงผู้ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อโดยการรับจำนองอสังหาริมทรัพย์ ให้เช่าซื้อ หรือ ให้เช่าแบบลิสซิ่งได้ ตามที่มีการแก้ไขกฎหมายไปเมื่อไม่นานนี้ จากเดิม บตท. สามารถซื้อได้จากสถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น ปัจจุบันได้มีการเจรจากับพันธมิตรหลายแห่ง โดยจะมีการลงนามความร่วมมือ และเริ่มทยอยจัดซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยต่อไป นอกจากนี้ จากข้อจำกัดในการเป็นตลาดรองที่ไม่สามารถปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้า บตท. ยังมุ่งมั่นที่จะดูแลลูกค้าสินเชื่อที่จัดซื้อมา โดยทำความร่วมมือกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าในกลุ่ม SME สามารถขอสินเชื่อเพิ่มเติมได้ เช่นที่ได้ลงนาม MOU กับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME Bank ซึ่งจะมีการขยายความร่วมมือกับธนาคารอื่นๆ ต่อไป เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าในทุกสาขาอาชีพเข้าถึงสินเชื่อต่อไป"