กรุงเทพฯ--1 ธ.ค.--อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น
TMILL แถลงผลประกอบการไตรมาส 3/2560 เผยกำไรสุทธิเติบโตร้อยละ 88.8 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2559 โดยมีรายได้จากการขายกว่า 322.92 ล้านบาท ส่วนกำไรต่อหุ้นเติบโตร้อยละ 100 ขณะที่ผลงานรอบ 9 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิเติบโตถึงร้อยละ 102.3 พร้อมคาดการณ์แนวโน้มตลาดแป้งสาลียังคงขยายตัวต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นไฮซีซันของการขาย บริษัทจึงมีแผนที่จะปรับเป้าหมายกำไรสุทธิปีนี้เป็นเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับกำไรปี 2559
ดร.ชาญกฤช เดชวิทักษ์ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TMILL โรงงานโม่แป้งสาลีรายใหญ่และทันสมัยที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ สำหรับไตรมาส 3 ปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 ว่า TMILL มีรายได้จากการขายกว่า 322.92 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 26.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.66 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 88.8 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2559 ทั้งนี้ เป็นผลจากศักยภาพการบริหารจัดการต้นทุนขายที่ลดลง เนื่องจากมีการเจรจาทำสัญญาซื้อขายวัตถุดิบล่วงหน้า เพื่อควบคุมราคาต้นทุนไว้ก่อน จึงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3 ปี 2560 สูงขึ้นเป็นร้อยละ 22.6 จากร้อยละ 12.7 ในงวดเดียวกันของปี 2559 และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 100 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลประกอบการของ TMILL ในรอบ 9 เดือน ของปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายกว่า 1,002.41ล้านบาท สูงขึ้น 6.02 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 0.6 จากงวดเดียวกันของปี 2559 โดยมีปริมาณการขายแป้งเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 และมีกำไรสุทธิ 93.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.04 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ102.3 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2559 ทั้งนี้ เป็นผลมาจากราคาเฉลี่ยของวัตถุดิบที่ใช้ปรับลดลง และการใช้อัตรากำลังการผลิตที่สูงขึ้นร้อยละ 3.24 ของกำลังการผลิตมวลรวมเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2559 ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อหน่วยลดลง จึงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2560 สูงขึ้นเป็นร้อยละ 21.7 จากร้อยละ 13.8 ในงวดเดียวกันของปี 2559
"จากผลประกอบการไตรมาส 3 ที่เติบโตขึ้น ประกอบกับแนวโน้มตลาดแป้งสาลีที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นไฮซีซันของการขาย อีกทั้ง บริษัทได้เริ่มขยายฐานลูกค้าไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีแผนที่จะปรับเป้าหมายประมาณการกำไรสุทธิปีนี้เป็นเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับกำไรปี 2559 จากเดิมที่คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20" ดร.ชาญกฤช กล่าว