SMT ดันยอดขายปี 61 ที่ 2,500 ล้านบาท โตกระฉูด 40% จากปีก่อน เชื่อทิศทางธุรกิจสดใสหลังเน้นผลิตสินค้ามาร์จิ้นสูงแถมตั้งสำรองหนี้เกลี้ยง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 26, 2018 16:54 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ก.พ.--IR PLUS SMT คาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการปี 2561 ฟื้นตัวจากปี 60 หลังหมดภาระตั้งสำรองหนี้ เร่งสร้างรายได้จากลูกค้าใหม่ที่มีเข้ามาต่อเนื่อง เน้นลดต้นทุนเพื่อเพิ่มกำไร ชูกลยุทธ์ผลิตสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ วางเป้าหมายยอดขาย 2,500 ล้านบาท หรือเติบโต 40% ยอมรับผลประกอบการปี 60 ขาดทุนหนักเหตุตั้งสำรองลูกหนี้การค้าSetTopBox 2รายเป็นเงินจำนวนมาก นายพีระพล วิไลวงศ์เสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT กล่าวถึง แนวโน้มผลประกอบการในปี 2561 คาดว่ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา เน้นกลยุทธ์ผลิตสินค้าที่มาร์จิ้นสูงเป็นหลัก โดยบริษัทตั้งเป้าหมายของยอดขายไว้ที่ 2,500 ล้านบาท หรือเติบโต 40% ซึ่งเป็นการตั้งเป้าหมายแบบ Conservative กลยุทธ์ปีนี้เน้นการกระจายตัวยอดขายของแต่ละธุรกิจและกระจายลูกค้ามากขึ้น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ทั้งนี้แนวโน้มผลประกอบการจะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 2/2561 เป็นต้นไป เนื่องจากโปรดักต์ต่างๆเริ่มออก สำหรับไฮไลท์ปีนี้รุกหนักสินค้า IC – packaging , Box Build & PCBA ,Optics และ Solar Panel โดยบริษัทจะเพิ่มยอดขายทั้งจากลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะสินค้าใหม่ New Products ที่จะเป็นสินค้าตัวนำของปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตถึง 100% อีกทั้งฝ่ายพัฒนาธุรกิจได้เร่งหาลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด 2 เดือนแรกของปีนี้มีลูกค้า IC – packaging ที่กำลังเตรียมจัดทำแบบร่างคุณสมบัติ(Qualificationlot)15แบบซึ่งจะช่วยหนุนให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ อีกทั้งบริษัทพยามเร่งปรับตัวในการลดต้นทุนในการผลิตเพื่อให้ได้อัตรากำไรที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงเลือกที่จะผลิตในสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง มาผลิตสินค้าประเภท high value added เช่น IC Packaging, Wafer dicing, Captive และ Specialty และ Optical Component (เช่น Transceivers 1-2, Active Optical Micro Assembly) รวมทั้งบริษัทยังคงตั้งเป้าที่จะขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น "ปีที่ผ่านมาเรามีเรื่องที่สะดุดโดยเฉพาะการตั้งสำรองหนี้ให้ถูกต้องตามหลักบัญชีของ Set Top Box และหนี้ของบริษัท 360 Fly เป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการติดตามทวงหนี้ โดยว่าจ้างทนายชื่อดัง Andrew Marks หากได้เงินกลับเข้ามาเมื่อไรก็เป็นรายได้ อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ของผลประกอบการธุรกิจของเราแข็งแกร่งขึ้น เพราะฐานลูกค้าขยายใหญ่ออกไปมีการขยายตัวของสินค้ามากขึ้นในหลายธุรกิจ เป็นการกระจายความเสี่ยงออกไป ไม่อยากผูกกับใครมากเกินไป เพื่อลดการเหวี่ยงของยอดขาย ในปีที่ผ่านมามีการกระจายตัวได้ดีกว่าปีก่อนหน้า และขณะนี้เรากำลังโฟกัสมากในส่วนของธุรกิจ Auto-motive และ Data Center เพราะมาร์จิ้นสูงและมีความมั่นคงในเรื่องของปริมาณความต้องการค่อนข้างสูง"นายพีระพล กล่าว สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯในงวดปี 2560 มีผลขาดทุนสุทธิ 546.95 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 15.64 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการจำนวน 1,853.76 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 47.53% โดยส่วนใหญ่เป็นการลดลงของยอดขายในสินค้ากลุ่ม MMA (Hard Disk Drive) ซึ่งเป็นไปตามกลุยทธ์ของบริษัทฯที่กำหนด Product Mix ให้มีการกระจายตัว อย่างไรก็ตาม สินค้าในกลุ่ม Fiber Optics มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ นอกจากนี้ บริษัทฯมีการตั้งสำรองลูกหนี้การค้า 2 ราย ซึ่งมีหนี้ค้างชำระเป็นเวลานานกับทางบริษัทฯโดยบริษัทตั้งสำรองลูกหนี้ดังกล่าวในปี 2560 จำนวน 302.39 ล้านบาท เนื่องจากลูกหนี้มียอดคงค้างเกิน 12 เดือน บริษัทฯจึงพิจารณาดำเนินคดีความเพื่อเรียกร้องสิทธิตามกฎหมาย และได้ตั้งสำรองสำหรับลูกหนี้ดังกล่าว รวมทั้งมีการตั้งสำรองขาดทุนจากการด้อยค่าของอุปกรณ์ในบริษัทย่อย เนื่องจากผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งการตั้งสำรองไม่ได้กระทบกับกระแสเงินสดของบริษัท ปัจจุบันบริษัทฯมี Cash Flow จากกิจกรรมดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ราว 406 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ