EFORL ส่งงบปี 2560 ปลดเครื่องหมาย SP เดินหน้าแก้ปัญหาเต็มสูบ-ขยายธุรกิจเครื่องมือแพทย์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 21, 2018 15:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 มี.ค.--IR network "EFORL" ส่งงบการเงินปี 2560 ให้ ตลท. เดินหน้าแก้ปัญหาเต็มสูบ "ธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์" วางเป้าหมายปี 61 ขยายธุรกิจเครื่องมือแพทย์ อานิสงส์ไทยแลนด์ 4.0 นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL เปิดเผยว่า บริษัทฯ ส่งงบการเงินประจำปี 2560 ล่าช้านั้น เนื่องจากบริษัท ดับบลิว ซีไอ โฮลดิ้ง จำกัด (WCIH ) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ไม่สามารถจัดทำงบการเงินของกลุ่มบริษัทย่อยประจำปี 2560 ได้ทันตามกำหนดเวลา ทำให้บริษัทไม่สามารถรับรู้ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทย่อยได้ ส่งผลกระทบต่องบการเงินรวม จึงเป็นเหตุให้ส่งงบการเงินล่าช้า สำหรับผลประกอบการในปีที่ผ่านมายังออกมาไม่ดี บริษัทพยายามแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งปัญหาหลักเกิดขึ้นจากบริษัทย่อยมีผลขาดทุน ทำให้มีการตั้งสำรองการด้อยค่าในปี 2560 ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามบริษัทฯ กำลังแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อให้ผลประกอบการในปีนี้ออกมาในทิศทางที่ดี ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และจะส่งผลในเชิงบวก" นายธีรวุทธิ์ กล่าว ส่วนแผนการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทอาจได้รับผลดีจากนโยบายรัฐบาลซึ่งจะยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยที่ภาครัฐมีนโยบายการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ในช่วงระหว่างปี 2560 - 2569 จากนโยบายดังกล่าวจะส่งผลให้ธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการแพทย์และสาธารณะสุข มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ของแบรนด์ชั้นนำของโลก จึงเป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการแพทย์และสาธารณะสุข บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจโดยการเพิ่มการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์ใหม่และมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ รวมถึงการเพิ่มศักยภาพจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายเป็นผู้ผลิตสินค้าบางรายการ ซึ่งเป็นแผนธุรกิจที่สอดรับกับนโยบายและยุทธศาสตร์ชาติ โดยภาครัฐมีแผนผลักดันสนับสนุนเรื่องการแพทย์และการสาธารณสุข ซึ่งเชื่อว่าธุรกิจหลักของบริษัทจะได้รับผลกระทบในเชิงบวกทำให้รายได้ในกลุ่มนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวลือออกมาว่า WCIG ขายหุ้นให้นักลงทุนกลุ่มหนึ่งไปแล้วในสัดส่วน 20% อีกทั้งที่มีข่าวเรื่องหนี้สินเพิ่มขึ้นนั้น ทั้งสองเรื่องไม่เป็นความจริง หนี้สินที่เกิดขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนรายการทางบัญชีจากเงินทดรองจ่ายโดยบริษัทแม่ เป็นเงินกู้ยืมเงินจากบริษัทแม่แทนเท่านั้น ซึ่งก็มีการเปิดเผยในงบการเงินโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาตมาโดยตลอดก่อนหน้า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ