กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--ก.ล.ต.
ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็น 2 เรื่อง ประกอบด้วย (1) แนวปฏิบัติสำหรับบริษัทหลักทรัพย์ที่จัดจำหน่ายตราสารหนี้ ในการคัดเลือก วิเคราะห์ข้อมูล และเปิดเผยข้อมูลของผู้ออกตราสารหนี้ (product screening) เพื่อกำหนดขอบเขตการทำหน้าที่และความรับผิดชอบของบริษัทหลักทรัพย์ฯ ให้ชัดเจน (2) การปรับปรุงค่าธรรมเนียมการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) สำหรับการออกและเสนอขายตราสารหนี้
ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็นแนวทางการทำหน้าที่ของบริษัทหลักทรัพย์ที่จัดจำหน่ายตราสารหนี้ ในการคัดเลือกและวิเคราะห์ข้อมูลผู้ออกตราสารหนี้ (productscreening) เพื่อให้มีความเข้าใจถึงขอบเขตการทำหน้าที่และความรับผิดชอบได้ดีขึ้น และสามารถให้ข้อมูลกับหน่วยงานขายเพื่อนำไปประกอบการให้คำแนะนำแก่ผู้ลงทุนได้อย่างเหมาะสม โดยหน่วยงานของบริษัทหลักทรัพย์ที่ทำหน้าที่ product screening จะต้องแยกต่างหากและมีความเป็นอิสระจากหน่วยงานที่ดูแลการขาย เพื่อป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ทั้งนี้ แนวทางนี้จะสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การกำกับดูแลการออกและเสนอขายตราสารหนี้ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2561 ซึ่งกำหนดให้การเสนอขายตราสารหนี้ต่อผู้ลงทุนจะต้องทำผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่มีใบอนุญาตจัดจำหน่ายตราสารหนี้ ยกเว้นการขายแบบเฉพาะเจาะจงต่อผู้ลงทุนสถาบัน หรือผู้ลงทุนที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังเปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงเกณฑ์ค่าธรรมเนียมการยื่นแบบไฟลิ่งสำหรับออกและเสนอขายตราสารหนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และเหมาะสมกับประเภทของผู้ลงทุนยิ่งขึ้น อาทิ เปลี่ยนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมแบบเหมาจ่ายจากราย 1 ปี เป็น 2 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับอายุการอนุญาตแบบโครงการ เพิ่มการจัดเก็บแบบรายครั้งเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ออกตราสารหนี้ที่ระดมทุนไม่บ่อยครั้ง สำหรับการเสนอขายตราสารหนี้ระยะสั้น
ก.ล.ต. เปิดให้ผู้สนใจทั่วไปร่วมแสดงความคิดเห็น โดยเผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. http://capital.sec.or.th/webapp/phs/upload/phs1521701688hearing_09_2561.pdf และ http://capital.sec.or.th/webapp/phs/upload/phs1521691476hearing_08_2561.pdf จึงขอเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจร่วมแสดงความคิดเห็นได้บนเว็บไซต์ หรือทาง e-mail ที่ kruaonn@sec.or.th หรือ isaya@sec.or.th โดยความเห็นในเรื่อง (1) ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 5 เมษายน 2561 และเรื่อง (2) ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 23 เมษายน 2561