KTIS เผยผลิตน้ำตาลทะลุ 1,000 ล้าน กก. แล้ว ชี้ปริมาณอ้อยพุ่งส่งผลรายได้ขายไฟฟ้าเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 24, 2018 12:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 เม.ย.--ไอทูซี คอมมิวนิเคชั่นส์ กลุ่ม KTIS เปิดข้อมูลล่าสุด ปริมาณอ้อยและน้ำตาลที่ผลิตได้สูงกว่าปีก่อนอย่างมาก พบมีอ้อยเข้าหีบกว่า 10 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลทรายได้แล้วกว่า 10 ล้านกระสอบ หรือ 1,000 ล้านกิโลกรัม แถมยังส่งผลดีไปถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ทั้งโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เปิดขายไฟได้ครบทั้ง 3 โรงแล้ว รวมถึงโรงงานเยื่อกระดาษจากชานอ้อย ยืนยันรับอ้อยจากชาวไร่อ้อยเข้าหีบจนถึงที่สุด กำหนดปิดหีบต้นเดือนพฤษภาคมนี้ นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า จากการเก็บข้อมูลการหีบอ้อยและการผลิตน้ำตาลของปีการผลิต 2560/61 จนถึงปัจจุบัน พบว่าโรงงานน้ำตาลในกลุ่ม KTIS ทั้ง 3 โรง คือ โรงงานน้ำตาลเกษตรไทยฯ โรงงานน้ำตาลรวมผล และโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ สามารถหีบอ้อยได้รวมประมาณ 10 ล้านตันแล้ว ซึ่งสูงกว่าปริมาณอ้อยของปีการผลิต 2559/60 ที่มีปริมาณอ้อยรวมประมาณ 8.7 ล้านตัน โดยขณะนี้ปริมาณการผลิตน้ำตาลทรายก็ได้ทะลุ 10 ล้านกระสอบ (1,000 ล้านกิโลกรัม) ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสูงกว่าปีก่อนที่ได้น้ำตาลประมาณ 9.4 ล้านกระสอบ ทั้งนี้ ปริมาณอ้อยและน้ำตาลของกลุ่ม KTIS ที่เพิ่มขึ้นนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมของอุตสาหกรรมที่คาดว่าปีนี้จะมีปริมาณอ้อยทั้งระบบสูงถึง 130 ล้านตัน "ปริมาณอ้อยที่เพิ่มมากขึ้นนี้ ทำให้มีชานอ้อยและใบอ้อยที่จะเข้าสู่โรงไฟฟ้าชีวมวลทั้ง 3 โรงมากขึ้น สามารถผลิตไฟฟ้าได้เป็นระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มีรายได้จากการขายไฟฟ้ามากขึ้น อีกทั้งมีชานอ้อยเข้าสู่โรงงานผลิตเยื่อกระดาษชานอ้อยและผลิตบรรจุภัณฑ์จากเยื่อชานอ้อยมากขึ้น ปริมาณอ้อยจึงส่งผลดีทั้งต่ออุตสาหกรรมน้ำตาลทรายและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง" รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม KTIS กล่าว สำหรับสายธุรกิจโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวลของกลุ่ม KTIS นั้น ในปี 2561 นี้นับเป็นปีแรกที่จะรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้เต็มปีทั้ง 3 โรง ทั้งโรงไฟฟ้าเกษตรไทยไบโอเพาเวอร์ (KTBP) และรวมผลไบโอเพาเวอร์ (RPBP) ที่ จ.นครสวรรค์ และไทยเอกลักษณ์เพาเวอร์ (TEP) ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ นายณัฎฐปัญญ์กล่าวอีกว่า โดยปกติแล้วปริมาณอ้อยและน้ำตาลที่ผลิตได้มากขึ้นนี้จะส่งผลให้บริษัทมีรายได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม จะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ราคาน้ำตาลในตลาดโลก และอัตราแลกเปลี่ยน เพราะน้ำตาลส่วนใหญ่กว่า 70% ของปริมาณที่ผลิตได้ จะส่งออกไปขายต่างประเทศ "เนื่องจากปีนี้ปริมาณอ้อยมีจำนวนมาก การปิดหีบอ้อยของกลุ่ม KTIS ในบางโรงงาน จะไปปิดในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2561 เพื่อให้รับอ้อยจากชาวไร่อ้อยได้มากที่สุด ซึ่งคาดว่าปริมาณอ้อยหลังปิดหีบของกลุ่มเราน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 11 ล้านตัน" นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ