สศอ. เร่งพัฒนาระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ ( GIS ) เป็นเครื่องมือช่วยหาพื้นที่ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรม สนับสนุน ๕ อุตสาหกรรมนำร่อง ตามนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐

ข่าวทั่วไป Tuesday April 24, 2018 15:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ( สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม จัดแถลงข่าวและสัมมนาเชิงปฏิบัติการ โครงการระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS) สำหรับผู้ประกอบการ นักลงทุน และประชาชนทั่วไป ใช้เป็นเครื่องมือค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจเชิงพื้นที่ หวังเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ ๕ อุตสาหกรรมนำร่อง วันนี้ ( ๒๔ เมษายน ๒๕๖๑) ที่โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพ ฯ นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในการแถลงข่าวและเปิดสัมมนาเชิงปฏิบัติการโครงการระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (Geographic Information System – GIS ) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กับสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายพสุ โลหารชุน กล่าวว่า การสร้างเครื่องมือการพัฒนาระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS) ของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในครั้งนี้ เป็นไปตามที่รัฐบาลมีนโยบายผลักดันอุตสาหกรรมใหม่ ทั้ง ๕ สาขา (New S-curve) ให้ประสบผลสำเร็จ เพื่อสร้างรายได้ให้ประชากรอีกประมาณร้อยละ ๓๐ ให้ได้ในอนาคต จึงจำเป็นต้องสร้างเครื่องมือที่สามารถนำมาใช้ในการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ ๕ อุตสาหกรรมนำร่อง โดยมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงพื้นที่ เพื่อให้เหมาะสมตามศักยภาพ กระทรวงอุตสาหกรรมจึงสนับสนุนให้มีกลไกและเครื่องมือที่ทันสมัยมาช่วยขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม หนึ่งในนั้นก็คือการใช้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ ( GIS ) มาใช้เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรม โดยในการจัดทำนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมและเตือนภัยเศรษฐกิจอุตสาหกรรม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีข้อมูลเพื่อใช้เป็นฐานในการทำงาน การพัฒนาระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยมาใช้งาน เป็นการสนองตอบต่อนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ ทั้งนี้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS) เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในการจัดเก็บ จัดการ วิเคราะห์ และแสดงผลข้อมูลทั้งในรูปแบบของแผนที่และฐานข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน" ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว ๒ ด้านนายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การจัดทำโครงการระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ สืบเนื่องจากนโยบาย Thailand ๔.๐ รัฐบาลมุ่งเน้นให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกและดึงนักลงทุนเข้ามาลงทุนภายในประเทศไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดการจ้างงานในภาคการผลิตและมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับคนไทย สศอ. ตระหนักถึงความสำคัญของนโยบายนี้และเห็นว่าการแข่งขันได้ในเวทีโลก ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรม โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ และจะสิ้นสุดการปฏิบัติงานในวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๑ ซึ่งได้มีการเชิญผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนำร่องเข้าร่วมสัมมนา รวมทั้งทีมที่ปรึกษาโครงการได้มีการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ ผู้อำนวยการสถาบันต่างและผู้ประกอบการ เกี่ยวกับปัจจัยในการเลือกทำเลที่ตั้งของอุตสาหกรรมนำร่องทั้ง ๕ อุตสาหกรรม ได้แก่ ๑.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ๒.อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ๓.หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม ๔.อุตสาหกรรมยานยนต์และยานยนต์สมัยใหม่ และ ๕.อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร " ระบบ GIS ที่จัดทำขึ้น นอกจากจะให้บริการผ่านระบบอินเตอร์เน็ตแล้ว จะมีการนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ในรูปของแอปพลิเคชั่น ( Application) อีกด้วย เพื่อให้บุคลากรของกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ/นักลงทุน ประชาชนผู้สนใจทั่วไป ได้เข้าถึงและสามารถสืบค้นข้อมูลของอุตสาหกรรมในเชิงพื้นที่ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ข้อมูลเหล่านี้ได้แก่ ศักยภาพของพื้นที่ในการลงทุน การขนส่ง ความหนาแน่นของโรงงานอุตสาหกรรม สาธารณูปโภค ความเหมาะสมในการลงทุน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ สนับสนุนประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน" นายศิริรุจ กล่าว ทั้งนี้ การสัมมนาเชิงปฏิบัติการนี้จะเป็นการนำเสนอผลของการศึกษาเพื่อกำหนดเกณฑ์ ปัจจัย ในการวิเคราะห์ศักยภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงพื้นที่ ซึ่งประกอบด้วยการศึกษา ๒ ส่วน ส่วนแรกเป็นการสัมภาษณ์เชิงลึกของผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และนักวิชาการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนำร่อง ๕ อุตสาหกรรม เพื่อเป็นข้อมูลในการกำหนดเกณฑ์ ปัจจัยและวิธีการวิเคราะห์ศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรมเชิงพื้นที่ (Potential Area) ในการพัฒนาอุตสาหกรรม สำหรับอุตสาหกรรมนำร่อง ส่วนที่ ๒ เป็นการศึกษาเชิงปริมาณ เพื่อสร้างแบบจำลองที่ใช้ในการวิเคราะห์ศักยภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ปัจจัยที่จะส่งผลต่อศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมเชิงพื้นที่ ประกอบด้วยปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ ปัจจัยลักษณะทางกายภาพ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ปัจจัยด้านสังคม ปัจจัยด้านโครงข่ายการขนส่งและสาธารณูปโภค ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม และปัจจัยด้านการบริหารจัดการ ตลอดจนปัจจัยอื่น ๆ ที่ค้นพบในระหว่างกระบวนการศึกษา ซึ่งผลการศึกษาทั้ง ๒ ส่วนจะนำไปสู่การพัฒนาแบบจำลองการวิเคราะห์ศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรมเชิงพื้นที่สำหรับพัฒนาเป็นระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรม "ผลที่ได้รับจากโครงการในระยะแรก ประกอบด้วย รายงานการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการกระจายตัวของอุตสาหกรรมย้อนหลัง ๕ และ ๑๐ ปี รายงานผลการวิเคราะห์ทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมกับการพัฒนาอุตสาหกรรมในภาพรวม และรายงานผลการวิเคราะห์หาพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อการแข่งขันของอุตสาหกรรมเชิงพื้นที่สำหรับ ๕อุตสาหกรรมนำร่อง" นายศิริรุจ กล่าวสรุป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ