“น้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ” แชร์ประสบการณ์คุณแม่สายสตรองตั้งแต่ท้องจนคลอดลูกสาวคนแรก!

ข่าวบันเทิง Wednesday April 25, 2018 15:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--ซีแอนด์ซี พีอาร์ เชื่อว่ามีผู้หญิงไม่น้อยที่ใจหนึ่งก็อยากมีลูก แต่อีกใจก็หวั่นๆ ที่จะต้องอุ้มท้อง ..เอาเป็นวันนี้เรามีคำแนะนำในการดูแลตัวเองและลูกน้อยระหว่างตั้งครรภ์ของคุณแม่ป้ายแดงเซเลบริตี้สาวนัยตาคม "คุณบุ๋ม-น้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ" ที่ล่าสุดเพิ่งคลอดลูกสาวคนแรก "น้องอัณยา" หลังจากอุ้มท้องมานานกว่า 40 สัปดาห์ มาฝาก... เป็นธรรมดาที่คุณแม่ทุกคนจะต้องเคยแพ้ท้อง ซึ่งอาการแพ้ท้องของ คุณบุ๋ม-น้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ บอกเลยว่าแพ้ท้องหนักมาก โดยคุณน้ำทิพย์เล่าว่า "ช่วงท้อง 2 เดือนแรก ไม่มีอาการแพ้ท้องเลย แต่พอเริ่มเข้า 10 สัปดาห์ เริ่มคลื่นไส้ พอเข้าเดือนที่ 3 เป็นช่วงที่คุณแม่จะแพ้ท้อง ซึ่งเราเองแพ้ท้องหนักมาก เรียกว่าไม่สามารถออกจากบ้านได้เลย แค่นั่งเฉยๆ ก็อาเจียรตลอดทั้งวัน ทานอาหารก็ไม่ค่อยได้ ทำให้น้ำหนักลดไป 3 กิโลกรัม เป็นช่วงเวลาที่คุณแม่จะต้องเข้มแข็งมากๆ เพราะเราจะเริ่มรู้สึกเบื่อชีวิตมาก ไม่สามารถใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้เลยค่ะ ซึ่งถ้าคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์แต่ถ้าผ่านช่วงเวลานี้ไปได้หลังจากนี้ชีวิตแฮปปี้มากค่ะ" "สุขภาพ" เป็นอีกปัจจัยที่คุณแม่ต้องใส่ใจ ซึ่งคุณแม่มือใหม่ "คุณบุ๋ม" เผยถึงเรื่องการดูแลสุขภาพในช่วงตั้งครรภ์ว่า "เป็นปกติที่ผู้หญิงจะห่วงเรื่องน้ำหนัก ซึ่งตัวบุ๋มและสามีเป็นคนฮ่องกง (คุณนิโคลัส โฮ) ชอบออกกำลังกายมาก แต่พอท้อง ก็หยุดพักไปจนอาการแพ้ท้องดีขึ้น เลยปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณหมอแนะนำว่า จริงๆ คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์สามารถออกกำลังกายได้ จึงชวนสามีเข้ายิมด้วยเลยเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคู่กับสามีได้และได้สุขภาพที่ดีด้วย ช่วงแรกๆ มีวิ่งบ้าง เล่นบอดี้เวท โยคะ แต่ก็ต้องมีเทรนเนอร์ช่วยดูแลนะคะ หรือไม่ก็สามารถเลือกเข้าคลาสสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ก็ได้ค่ะ" การเป็นคุณแม่สายสตรองของคุณน้ำทิพย์นอกจากการออกกำลังกายแล้ว "อาหาร" ก็เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่คุณแม่มองข้ามไม่ได้ "ช่วงท้องทิพย์ยังบินไปกลับฮ่องกง เมืองไทยอยู่ค่ะ คุณแม่สามีก็จะทำอาหารบำรุงครรภ์ตามความเชื่อของคนฮ่องกง เช่น ซุปไก่ดำ สมุนไพรต่างๆ พวกเก๋ากี้ หรือ โกจิเบอร์รี่ ขิง พุทราจีน เม็ดลูกบัว และพวกชาสมุนไพรต่างๆ ช่วยขับลม เน้นอาหารต้ม นึ่ง และไม่ทานอาหารไม่สุก ของทอด นอกนั้นก็ทานอาหารปกติ จนน้ำหนักขึ้นมา 16 กิโลกรัม แต่จริงๆ แล้วชาวฮ่องกง จะเน้นบำรุงหลังคลอดมากกว่า คือจะมีพยาบาลที่จะมาอยู่กับเรา 2-3 เดือนเลย ช่วยดูแลคุณแม่และเด็ก คอยวางแผนการทานอาหาร คุณแม่ต้องทานอาหารแบบนี้ถึงจะมีน้ำนม แผล เลือดลมจะได้กลับมาปกติ นอกจากนี้พยาบาลก็จะสอนเราเลี้ยงเด็ก ต้องให้นมลูกอย่างไร อาบน้ำที่ถูกต้องควรทำอย่างไร ซึ่งตอนนี้พยาบาลก็บินมาจากฮ่องกงมาดูแลเราที่เมืองไทย ขนสมุนไพรมาเยอะมากเลยค่ะ" "แฟชั่นคนท้อง" เป็นอีกปัจจัยที่คุณแม่ตั้งครรภ์อาจประสบปัญหาในการเลือกเสื้อผ้าให้ถูกใจ โดยเฉพาะคุณแม่ที่ชื่นชอบใส่กางเกง ซึ่งคุณน้ำทิพย์เผยถึงไลฟ์สไตล์การแต่งตัวว่า "ส่วนตัวชอบใส่กางเกงมากกว่ากระโปรง สไตล์เน้นเรียบๆ ไม่ต้องหวานแบบลูกไม้ระบาย ชอบเรียบเท่ มากกว่า ทีนี้พอท้องก็เริ่มหาเลยว่ามีกางเกงคุณแม่ขายที่ไหนบ้าง ซึ่งโชคดีมากที่มี ยีนส์คนท้อง คือตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เรามาก เพราะเป็นยีนส์แฟชั่นที่ยืด ใส่แล้วก็ไปตามรูปร่าง ผ้านิ่ม ไม่แข็ง พอนั่งก็ไม่รู้สึกว่าอึดอัดท้องเลย แล้วด้วยความที่เป็นกางเกงเอวสูงและช่วงเอวเป็นผ้ายืด ก็ช่วยพยุงท้องเราด้วย โดยเฉพาะก่อนคลอดท้องใหญ่มาก ดังนั้นถ้ามีกางเกงแบบนี้ ทำให้คุณแม่สะดวก คล่องตัวมากขึ้น และยังเป็นทางเลือกที่จะให้คุณแม่รู้สึกสนุกกับการแต่งตัวมิกซ์แอนด์แมทช์กับเสื้อได้หลายแบบ มีความสุขและมั่นใจเมื่อออกจากบ้านค่ะ" คุณแม่คนไหนที่กำลังมองหาแฟชั่นยีนส์สำหรับคนท้อง เพื่อมิกซ์แอนด์แมทช์และสนุกกับการแต่งตัว สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม บีเจยีนส์ คอลเลกชั่น BORN ได้ที่ facebook: BJ.JEANS.THAILAND
แท็ก แม่สาย  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ