ปภ.รายงานมีจังหวัดได้รับผลกระทบจากวาตภัยรวม 26 จังหวัด พร้อมเตือนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อนช่วงวันที่ 27 – 28 เม.ย. 61

ข่าวทั่วไป Friday April 27, 2018 13:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานตั้งแต่วันที่ 23 – 27 เมษายน 2561 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย รวม 26 จังหวัด 66 อำเภอ 117ตำบล 259 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,242 หลังคาเรือน ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว นอกจากนี้ ได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อนต่อเนื่องในช่วงวันที่ 27 - 28 เมษายน 2561 โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและ เฝ้าระวังสถานการณ์ภัย พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็วและเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมเผชิญเหตุตลอด 24 ชั่วโมง นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 23 – 27 เมษายน 2561 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย รวม 26 จังหวัด 66 อำเภอ 117 ตำบล 259 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,242 หลังคาเรือน แยกเป็น ภาคเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอฮอด อำเภอดอยหล่อ อำเภอจอมทอง อำเภอดอยเต่า อำเภอฝาง และอำเภอแม่แจ่ม รวม 8 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 30 หลังนครสวรรค์ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเก้าเลี้ยว อำเภอไพศาลี อำเภอบรรพตพิสัย อำเภอชุมแสง และอำเภอชุมตาบง รวม 6 ตำบล 11 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 39 หลัง พิจิตร เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอดงเจริญ อำเภอตะพานหิน และอำเภอเมืองพิจิตร รวม 4 ตำบล 8 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 24 หลัง ลำพูน เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอบ้านโฮ่ง รวม 1 ตำบล 7 หมู่บ้าน พะเยา เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพะเยา และอำเภอดอกคำใต้ รวม 4 ตำบล 24 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 437 หลัง เชียงราย เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่ลาว อำเภอเมืองเชียงราย และอำเภอพาน รวม 6 ตำบล 13 หมู่บ้าน ลำปาง เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเถิน และอำเภอห้างฉัตร รวม 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 200 หลัง กำแพงเพชร เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเอคลองลาน อำเภอเมืองกำแพงเพชร และอำเภอปางศิลาทอง รวม 6 ตำบล 6 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 26 หลัง น่าน เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเวียงสา รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชน ได้รับผลกระทบ 7 หลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 13 จังหวัด ได้แก่ มุกดาหาร เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอหว้านใหญ่ รวม 3 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 32 หลัง ศรีสะเกษ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกันทรลักษ์ อำเภอขุนหาญ อำเภอเมืองศรีสะเกษ อำเภอขุขันธ์ อำเภอปรางค์กู่ อำเภอภูสิงห์ อำเภอไพรบึง อำเภอโนนคูณ และอำเภอพยุห์ รวม 14 ตำบล 18 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 68 หลัง เลย เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอท่าลี่ รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 12 หลัง อุดรธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกู่แก้ว อำเภอน้ำโสม อำเภอหนองหาน อำเภอศรีธาตุ อำเภอเมืองอุดรธานี รวม 14 ตำบล 57 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 724 หลังอุบลราชธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอน้ำยืน รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 50 หลัง บึงกาฬ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีวิไล อำเภอ เซกา อำเภอบึงโขงหลง และอำเภอบุ่งคล้า รวม 7 ตำบล 17 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 71 หลัง หนองคาย เกิดวาตภัยในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองหนองคาย อำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ และอำเภอรัตนวาปี รวม 7 ตำบล 32 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 356 หลัง มหาสารคาม เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอวาปีปทุม รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน หนองบัวลำภู เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีบุญเรือง และอำเภอเมืองหนองบัวลำภู รวม 2 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 40 หลัง สุรินทร์ เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอปราสาท รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 4 หลัง ขอนแก่น เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอแวงใหญ่ รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 31 หลัง บุรีรัมย์ เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอห้วยราช รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 7 หลัง และสกลนคร เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอส่องดาว รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 3 หลัง ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโคกเจริญ อำเภอชัยบาดาล อำเภอพัฒนานิคม รวม 9 ตำบล 11 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 63 หลัง อุทัยธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอทัพทัน รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 4 หลัง และชัยนาท เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเมืองชัยนาท รวม 4 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 4 หลัง ภาคใต้ 1 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี เกิดวาตภัย ในพื้นที่อำเภอเวียงสระ รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 5 หลัง ซึ่ง ปภ.ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้อง มุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยด่วนแล้ว ทั้งนี้ จากการติดตาม สภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อาจเกิดพายุฤดูร้อน ในช่วงวันที่ 27 - 28 เมษายน 2561 ทำให้มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า และมีลูกเห็บตก ในบางพื้นที่ ปภ.จึงได้ประสานจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและ เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการ เผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามพยากรณ์อากาศ ระมัดระวังอันตรายจากพายุ ฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะนี้ ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ