พระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าในสมเด็จพระบรม โอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร

ข่าวทั่วไป Thursday June 16, 2005 09:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร และหม่อมศรีรัศม์ มหิดล ณ อยุธยา ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต กรุงเทพมหานคร ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๔๘ เวลา ๑๔.๓๐ น. โดยมี พลเรือเอก พันธ์จรูญ วิชยาภัย บุนนาค ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และข้าราชการกองทัพเรือ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับ - ส่งเสด็จ
พระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ เป็นโบราณราชประเพณี เมื่อพระราชโอรส พระราชธิดา หรือพระราชนัดดาที่มีพระอิสริยยศตั้งแต่พระองค์เจ้าขึ้นไป เจริญพระชนมายุครบ ๑ เดือน โหรหลวงจะถวายพระฤกษ์และผูกดวงพระชะตา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานพระนาม และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ โดยมีหลักสำคัญ ๓ ประการดังนี้
๑. ทรงขลิบเส้นพระเกศา (เจริญพระเกศา) ในสมัยโบราณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงขลิบพระเกศาด้วยพระแสงกรรไกรไทย พระแสงกรรไกรบิดด้ามทอง ด้ามแก้ว และด้ามนาค แต่ในรัชกาลปัจจุบันโปรดเกล้าฯ ให้ใช้พระแสงกรไกรไทยเพียงอย่างเดียว ซึ่งพระแสงกรรไกรไทยนี้ใช้สำหรับถวายทรงพระเครื่อง(ตัดผม) พระเจ้าแผ่นดินทุกรัชกาล
๒. พระราชทานพระนาม และราชภัณฑ์เครื่องพระอิสริยยศ
๓. ขึ้นพระอู่ ซึ่งในรัชกาลปัจจุบัน โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนจากบรรทมในพระกระด้งมาบรรทมในเปล และแต่เดิมในพระราชพิธีนี้ พระอู่จะต้องปูรองด้วยหนังหมี ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๖ โปรดเกล้าฯ ให้งดหนังหมี เมื่อคราวประสูติสมเด็จฯ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริวัฒนาพัณณวดี และถือเป็นราชประเพณีปฏิบัติมาถึงรัชกาลปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีพระราชพิธีประกอบ อันได้แก่ เวียนเทียนสมโภชทำขวัญที่ทรงเจริญพระชนมายุ--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ