MovieD E C E P T I O N

ข่าวบันเทิง Tuesday April 22, 2008 16:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 เม.ย.--สหมงคลฟิล์ม
D E C E P T I O N
“คืนนี้ว่างไหม?”
คำถามที่จะดึงคุณสู่โลกมืดตลอดกาล
การเฉือนบทครั้งสำคัญในภาพยนตร์ระทึกขวัญแห่งปี ของ ฮิวจ์ แจ๊คแมน และ ยวน แม็คเกรเกอร์ กับกลลวงสุดอันตรายที่คุณไม่อาจคาดเดา
สัญชาติ อเมริกัน
ประเภท ระทึกขวัญ
อำนวยการสร้าง จอห์น พาเลอร์โม (X-men: The Last Stand)
อาร์โนลด์ ริฟกิน (Live Free or Die Hard, Hart’s War, Bandits)
ร็อบบี้ เบรนเนอร์ (Alien VS Predator 2, Serendipity)
เดวิด บุชเชลล์ (Eternal Sunshine of the Spotless Mind)
คริสโตเฟอร์ อีเบิร์ท (The Punisher, Lucky Number Slevin)
กำกับการแสดง มาร์เซล แลนเจเนกเกอร์
เขียนบท มาร์ค บอมแบ็ค (Live Free or Die Hard, Godsend)
นำแสดง ฮิวจ์ แจ๊คแมน (X-Men, X2, X-Men: The Last Stand, The Prestige, Van Helsing)
ยวน แม็คเกรเกอร์ (Star Wars 1-3, Moulin Rouge, The Island, Big Fish)
มิเชล วิลเลี่ยมส์ (Brokeback Mountain, I’m Not There)
จัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์
กำหนดฉาย 8 พฤษภาคม 2008
Official Site http://www.deception-movie.com/site/
เรื่องราว
“คืนนี้ว่างไหม...?”
คำถามง่ายๆ แต่คำตอบของผู้ชายคนหนึ่ง กลับเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล ผู้ชายคนนั้นคือ โจนาธาน แม็คควอร์รี่ (ยวน แม็คเกรเกอร์) นักบัญชีโนเนมที่ลอยคออยู่กลางเวิ้งอ่าวชนชั้นสูงแห่งนิวยอร์ก “ลุยแต่งาน ไม่มีเล่น” ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับโจนาธาน “ลุยแต่งาน ไม่มีชีวิต” ต่างหาก ที่ทำให้วิญญาณเขาแห้งผากลงทุกวัน
แต่แล้วไฟชีวิตของเขาก็สว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้รู้จักกับทนายความฝีมือเฉียบ ไวแอต บอส (ฮิวจ์ แจ๊คแมน) ผู้พาเขาไปสัมผัสมหานครนิวยอร์กในมุมที่มีเพียงชนชั้นสูงเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ หากจะพูดว่าที่นี่คือสนามบันเทิงของนักธุรกิจระดับสูงแห่งแมนฮัตตัน ก็คงไม่ผิดนัก ในโลกของไวแอต ผู้ชายทุกคนใส่สูทราคาสี่พันดอลล่าร์ และเมื่อถึงเวลาหย่อนใจ พวกเขาจะไปเที่ยวคลับใต้ดินที่คลาคล่ำไปด้วยสาวสวยชวนตะลึงไร้พันธะ สำหรับโบรกเกอร์ทรงอิทธิพลทั้งหลายที่ทำงานวันละ 18 ชั่วโมงจนไม่มีชีวิตส่วนตัว สถานที่ที่เหมาะที่สุดคือ The List เซ็กซ์คลับแห่งหนึ่งที่เพียงหมายเลขโทรศัพท์เหมาะๆ กับคำถามง่ายๆว่า “คืนนี้ว่างไหม” ก็สามารถเติมเต็มอารมณ์สวาทของคุณในค่ำคืนนั้นได้
นี่คือ “โลกแห่งความเริงรมย์ที่ปราศจากความซับซ้อน” โจนาธานรู้มาอย่างนั้นเมื่อไปเยือนครั้งแรก ที่นี่ทำให้เขาได้ค้นพบด้านหนึ่งของตนเองที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอยู่ แต่สัมพันธ์สวาทกับสาวแปลกหน้ารวยเสน่ห์ที่เขารู้เพียงชื่อย่อว่า เอส (มิเชลล์ วิลเลี่ยมส์) กลับดึงเขาให้ดำดิ่งลงสู่อีกโลกหนึ่งที่ไม่เคยคาดคิด นั่นคือ โลกแห่งความหลอกลวงและฆาตกรรม
มาร์เซล แลนเจเนกเกอร์ ประเดิมผลงานการกำกับครั้งแรกใน Deception ภาพยนตร์ระทึกขวัญจิตวิทยาที่เล่าถึงหนทางอันแปลกประหลาดและเย้ายวนสู่การค้นพบตัวตนของผู้ชายคนหนึ่ง นำแสดงโดย ยวน แม็คเกรเกอร์ (Star Wars 3 ภาค, Trainspotting), ฮิวจ์ แจ๊คแมน (X-Men 3 ภาค, The Fountain) และ มิเชลล์ วิลเลี่ยมส์ (Brokeback Mountain)
Deception อำนวยการสร้างโดยบริษัท Cheyenne Enterprise ของ อาร์โนลด์ ริฟกิน และบริษัท Seed Productions ของ ฮิวจ์ แจ๊คแมน โดยมีผู้อำนวยการสร้างคือ ริฟกิน, แจ๊คแมน, จอห์น พาเลอร์โม (หุ้นส่วนบริษัท Seed Productions, X-Men: The Last Stand), เดวิด บุชเนล (Eternal Sunshine of the Spotless Mind), ร็อบบี้ เบรนเนอร์ (Haven) และคริสโตเฟอร์ อีเบิร์ท (Lucky Number Slevin) ส่วนผู้อำนวยการสร้างบริหารได้แก่ มาร์โชรี ชิค (Just My Luck)
ผู้สนับสนุนทุนสร้างของ Deception คือ MRC และดูแลการจัดจำหน่ายในระดับนานาชาติโดยบริษัท Summit International
เกี่ยวกับงานสร้าง
ที่มาที่ไป
ผู้กำกับ มาร์เซล แลนเจเนกเกอร์ มาถึงออฟฟิศวันแรกและเห็นโปสเตอร์หนังแปะเต็มฝาผนังไปหมด แต่การตกแต่งออฟฟิศด้วยโปสเตอร์หนังกลับไม่ทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจในการทำหนัง “ผมบอกให้เอาลงให้หมด” แลนเจเนกเกอร์เล่าไปหัวเราะไป “รูปที่ผมอยากให้เอามาติดในห้องคือรูปวาดของ เอ๊ดเวิร์ด ฮอปเปอร์ ที่เป็นรูปผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ในห้องและมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาดูโดดเดี่ยวมาก ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่เห็นรูปนี้ ผมนึกถึงโจนาธานขึ้นมาทันที”
“ครั้งแรกที่อ่านบท ผมชอบองค์ประกอบแบบหนังระทึกขวัญของมันมาก มันเป็นบทหนังที่ฉลาดและยอดเยี่ยม ทำให้ผมนึกถึงหนังของฮิทช์ค็อกในแง่เกมจิตวิทยา ซึ่งโจนาธานเป็นคนที่อ่อนไหวต่อสิ่งเหล่านั้น เพราะเขาเหงา เหมือนกับเขาถูกขังอยู่ในห้องที่เงียบสนิท มีแต่ความโดดเดี่ยวเดียวดาย คุณจะรู้สึกได้”
ฮิวจ์ แจ๊คแมน เจ้าของบริษัท Seed Productions เลือก Deception เป็นโปรเจ็คต์แรกของบริษัท เพราะเขาคิดเหมือนแลนเจเนกเกอร์ (แจ๊คแมนร่วมอำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้ รวมทั้งรับบท “ไวแอต” เพื่อนใหม่ของโจนาธานที่ดึงเขาใหหลุดพ้นจากพันธนาการทางจิตใจด้วย) “ผมคิดว่าบทหนังเรื่องนี้แปลกใหม่มาก” แจ๊คแมนกล่าว “มันฉลาด, เซ็กซี่ และพาคุณสู่โลกที่ไม่เคยได้สัมผัส หนังระทึกขวัญหลายเรื่องที่ดูสนุก บางครั้งก็งี่เง่า คุณจะคิดในใจว่า ‘โอ๊ย เพ้อเจ้อ เรื่องแบบนี้เป็นไปไม่ได้’ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นใน Deception เป็นไปได้ โลกที่ว่านี้อาจมีอยู่ เพราะถึงจะมีโทรศัพท์มือถือหรืออีเมล แต่คนเราก็ยังอ้างว้างและโดดเดี่ยวเหมือนโจนาธาน เขาเป็นคนที่เราเข้าถึงได้ และการเดินทางของเขาเป็นการเดินทางที่น่าติดตาม โจนาธานถูกสร้างให้มีชีวิตขึ้นมาจริงๆ“
ยวน แม็คเกรเกอร์ ผู้รับบทโจนาธานก็เห็นด้วย “บทหนังระทึกขวัญส่วนใหญ่จะคล้ายกัน แต่ Deception มีบางอย่างที่เหนือกว่านั้น มันเป็นบทหนังที่ประณีตมาก นั่นก็ข้อหนึ่ง อีกอย่างคือผมอินกับโจนาธานมาก อินกับความโดดเดี่ยวในชีวิตของเขา ซึ่งนั่นไม่ใช่คุณสมบัติของตัวละครหลักในหนังระทึกขวัญทั่วไป”
ภาวะตัดขาดจากโลกภายนอกของตัวละครที่ว่านี้ก็ดึงดูดผู้อำนวยการสร้าง อาร์โนลด์ ริฟกิน เช่นกัน “ความบริสุทธิ์ของเรื่องราวทำให้ผมสนใจ” ริฟกินกล่าว “โจนาธานมีที่ชีวิตโดดเดี่ยว ซึ่งมีคนอีกเป็นพันคนที่ทนทรมานกับภาวะโดดเดี่ยวเช่นเดียวกับเขา” มือเขียนบท มาร์ค บอมแบค เสนอไอเดียเรื่อง Deception ขณะนั่งจิบกาแฟด้วยกัน “ผมซื้อบทเขาตั้งแต่กาแฟยังไม่หมดถ้วย” ริฟกินเผย หลังจากนั้นบทร่างต่อๆมาบอมแบ็คก็ร่วมกันเขียนกับแพทริค มาร์เบอร์
ผู้อำนวยการสร้าง จอห์น พาเลอร์โม เห็นด้วยกับแลนเจเนกเกอร์ว่า Deception มีองค์ประกอบคล้ายหนังของฮิทช์ค็อค “สองสามปีมานี้ ผมคิดว่าคนทำหนังเริ่มทำหนังระทึกขวัญให้ใกล้เคียงกับหนังสยองขวัญไปทุกที” พาเลอร์โมกล่าว แต่ทั้งเขาและผู้อำนวยการสร้างร็อบบี้ เบรนเนอร์ (ที่บอกว่า Deception ทำให้เขานึกถึงหนังเก่าอย่าง Marathon Man และ Knut) มองว่า Deception คือบางอย่างที่พาย้อนกลับสู่ยุคแรกของการสร้างภาพยนตร์ “ผมคิดว่า Deception คือข้อพิสูจน์ว่าหนังระทึกขวัญสามารถขับเคลื่อนด้วยตัวละครได้ด้วยแก่นเรื่องที่ตรงประเด็นและตัวละครที่คนดูเอาใจใส่”
ตัวละคร
“โจนาธานไม่เหมือนตัวละครนำทั่วไป” แม็คเกรเกอร์กล่าว “อย่างหนึ่งคือผู้คนรอบตัวเขาพูดคุยกันราวกับเขาไม่มีตัวตน เขาถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เป็นคนที่ไม่ยอมแขวนอารมณ์ตัวเองไว้กับใคร พอเขาตกหลุมรัก “เอส” เขาก็เลยรักหมดใจ มันเป็นความรักที่ลึกซึ้ง ในหลายแง่ การแสดงเป็นโจนาธานเหมือนการปอกเปลือกบางอย่างออกหลายๆชั้น เหมือนการเด็ดกลีบดอกไม้ออกทีละกลับ แต่ละชั้นองเขากลับมีชีวิตขึ้นมาในโลกนี้”
“ผมว่าผู้คนสามารถเข้าใจและเข้าถึงตัวโจนาธานได้จริง” แลนเจเนกเกอร์กล่าว “เราต่างเคยมีช่วงเวลาที่โดดเดี่ยว มีความรู้สึกเหมือนถูกตัดขาดจากโลก แต่กับโจนาธาน ความโดดเดี่ยวกลืนกินชีวิตของเขา เขาติดอยู่ในห้องแคบๆ ในอพาร์ตเมนท์ ในเมืองใหญ่ ในห้วงจิตของตัวเอง เขาเป็นเหมือนนักท่องเที่ยวในโลกของตัวเอง”
สิ่งที่แลนเจเนกเกอร์สนใจในตัวโจนาธานมากกว่าความโดดเดี่ยว ก็คือการเดินทางของเขา “มาร์เซลพูดถึงไอเดียการสร้างตัวโจนาธานขึ้นมาหลายครั้ง เหมือนการให้กำเนิดเขาและ Deception เป็นเหมือนขั้นตอนของการเกิดนั้น บางครั้ง การผ่านประสบการณ์ร้ายๆ ในกรณีนี้คือฝันร้ายที่โจนาธานต้องพบเจอ ทำให้เขาพบทางออกและเปลี่ยนแปลง เหมือนเขาได้รับการปลดปล่อย กลายเป็นคนที่มีชีวิตอย่างแท้จริง”
“ที่ผมเลือก ยวน แม็คเกรเกอร์ เพราะเขาเก่งเรื่องการประเมินจังหวะ” แลนเจเนกเกอร์กล่าว “หลายครั้งที่โจนาธานไม่ต้องทำอะไรเลย แค่นั่งบนเก้าอี้รอโทรศัพท์ หรือทำงานหน้าแล็ปท็อป ตอนแรกผมกังวลว่าจะหานักแสดงคนไหนที่สามารถสื่อสารฉากเหล่านี้ได้โดยไม่พูดอะไรเลย แต่ยวนถ่ายทอดโจนาธานในจินตนาการของผมได้สมบูรณ์ตั้งแต่วันแรก การแสดงของเขาเฉียบคมและโดดเด่น”
ฮิวจ์ แจ๊คแมน นิยามตัวแม็คเกรเกอร์ว่า “สมบัติล้ำค่าของกองถ่าย” และบอกว่า “ความเฉียบคมและประณีตที่เขาใส่เข้าไปในบทโจนาธาน คือส่วนสำคัญที่ช่วยยกระดับหนังให้กลายเป็นสิ่งที่พิเศษ” และสำหรับแจ๊คแมนที่ไม่เคยดูฟุตเตขแต่ละวันเลย ก็กลับเปลี่ยนพฤติกรรมเพราะการแสดงของแม็คเกรเกอร์ “แน่นอนว่าพอมาเป็นผู้อำนวยการสร้าง ผมต้องดูฟุตเตจประจำวัน” แจ๊คแมนกล่าว “แต่กับยวน ผมดูเขาทุกเทค เขาสนุกกับการแสดงจริงๆ แต่ละเทคจะต่างกันแค่นิดหน่อย เขาทำการบ้านตลอด และทำให้ฉากนั้นมีชีวิตขึ้นมา”
“ฉากที่ยวนแสดงกับมิเชลล์ พวกเขาเข้ากันได้ดีมาก” แจ๊คแมนกล่าว “และมันส่งต่อถึงคนดูได้ คุณจะรู้สึกว่าพวกเขาเป็นคู่รักกันจริงๆ” ส่วน มิเชลล์ วิลเลี่ยมส์ พูดถึงการร่วมฉากกับแม็คเกรเกอร์ว่า “เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่ได้รับส่งบทจริงๆกับนักแสดงอีกคนหนึ่งหน้ากล้อง”
ผู้อำนวยการสร้างพาเลอร์โมเห็นด้วยตั้งแต่ได้อ่านบท Deception ครั้งแรกว่าบทของโจนาธานเป็นบทที่ท้าทาย และแม็คเกรเกอร์สวมบทได้สมบูรณ์แบบที่สุด ส่วนผู้อำนวยการสร้างเบรนเนอร์ ที่บอกว่าแม็คเกรเกอร์เป็นนักแสดงที่ “เฉียบแหลมและดึงดูดใจ” บอกว่า “ฉันว่ามันเยี่ยมมากที่ได้เห็นเขาเปลี่ยนแปลงจากชายผู้แปลกแยกสู่จอมบงการที่ฉลาดและควบคุมชะตาชีวิตตนเอง”
ไม่ใช่แค่ชะตาชีวิตของโจนาธานเท่านั้นที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างแยบยล ชะตาชีวิตของ ไวแอต บอส เพื่อนใหม่ของเขาก็เช่นกัน แจ๊คแมน ผู้รับบทไวแอต บรรยายตัวละครของเขาว่า “ไวแอตเป็นตัวละครที่มีเล่ห์เหลี่ยม เขาชอบคุมเกมและฉลาดเป็นกรด ทั้งยังมีเสน่ห์และลึกลับ ไวแอตมั่นใจว่าเขาเป็นเจ้าของโลกนี้ เป็นผู้ชายที่คุณอยากอยู่ใกล้” ส่วนผู้อำนวยการสร้างเบรนเนอร์บอกว่า “ฮิวจ์มีเสน่ห์เหลือร้าย และฉันคิดว่าคงเยี่ยมมากถ้าเขารับบทเป็นจอมหลอกลวง”
แลนเจเนกเกอร์เห็นด้วยอย่างไม่กังขาใดๆ “เราทุกคนรู้ว่าฮิวจ์คือนักแสดงที่ยอดเยี่ยม เขาเป็นนักแสดงที่ได้เปรียบเรื่องร่างกาย เขาดูเป็นผู้ชายที่บึกบึน ขณะเดียวกันก็มีความหลากหลายอย่างเหลือเชื่อ เขาทำได้เกือบทุกอย่าง แค่วันแรกเขาก็เป็นไวแอตแล้ว” แลนเจเนกเกอร์เล่าว่ามีอยู่ฉากหนึ่งที่เขาตัดสินใจกำกับแจ๊คแมนอย่างอ้อมๆ โดยบอกว่าไวแอตมองโจนาธานเหมือนแมลงสาบ “ฮิวจ์เอาคำแนะนำเล็กๆนี้ไปใช้ดัดแปลงฉากนั้น ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมากที่ได้ร่วมงานกับเขา ผมรู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีอะไรที่ ฮิวจ์ แจ๊คแมน ทำไม่ได้”
“นักแสดงทุกคนอยากแสดงบทที่ซับซ้อนขึ้นทั้งนั้น” แจ๊คแมนเผย “และนี่คือบทที่ผมไม่ค่อยได้เล่นเท่าไหร่ แต่ละครั้ง คุณจะไม่แน่ใจว่าอะไรคือแรงจูงใจของไวแอต แค่รู้สึกว่าบุคลิกลึกลับและเย้ายวนอย่างเขา ไม่น่าเข้าไปใกล้ เพราะคงต้องมีปัญหาตามมาแน่”
และก็เป็นจริงดังว่า “ปัญหา” อาจเป็นชื่อกลางชอง “เอส” ตัวละครของ มิเชลล์ วิลเลี่ยมส์ “เธอตัดสินใจทำสิ่งที่ผิด เพราะอยู่กับคนไม่ดี” วิลเลี่ยมส์อธิบาย “เธอเป็นผู้หญิงเร่ร่อน เหมือนผีเสื้อราตรีที่โบยบินไปมายามค่ำคืน ฉันไม่เคยรับบทแบบนี้มาก่อน เพราะฉะนั้นเอสจึงเป็นความท้าทายครั้งใหม่ของฉัน”
แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ผู้กำกับแลนเจเนกเกอร์ยังรู้ว่าวิลเลี่ยมส์คือคนที่เหมาะจะรับบท “เอส” ที่สุด ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน “เธอนั่งลงตรงหน้าผม เธอดูเป็นธรรมชาติมาก ผมมองเห็นความเปราะบางในตัวเธอ เธอเปิดเผยและบอบบาง แต่ขณะเดียวกันก็มีพลัง ตัวละครเอสมีความซับซ้อนมาก มองเผินๆอาจดูเหมือนหนังระทึกขวัญหญิงร้ายทั่วไป เพราะมีสาวสวยเป็นองค์ประกอบของเรื่อง แต่ผมต้องการให้เอสมีความลึกซึ้งกว่านั้น และเพิ่มเติมบางอย่างที่เหนือความคาดหมายเข้าไปในบทนี้ ความเปราะบางของมิเชลล์เหมาะกับบท “เอส” มาก เพราะมันเปิดโอกาสให้เธอถูกชักจูงและทำร้ายเพราะฉะนั้น บทนี้จึงต้องการนักแสดงหญิงที่สามารถสิ่อสารทั้งหมดนี้ได้ภายในไม่กี่ฉาก”
“มาร์เซลอยากให้มิเชลล์มารับบทนี้” ผู้อำนวยการสร้างริฟกินกล่าว “บางครั้งมันก็ง่ายๆแค่นั้นแหละ” แต่การติดต่อเธอให้มาแสดงไม่ใช่เรื่องง่าย สุดท้ายก็ลงเอยที่ผู้กำกับแลนเจเนกเกอร์ร้องเพลงให้วิลเลี่ยมส์ฟังทางโทรศัพท์
“มันเป็นเพลงของวง Jane’s Addiction ชื่อเพลง ‘Jane Says’ ที่ทำให้ผมนึกถึงบท ‘เอส’” แลนเจเนกเกอร์อธิบาย (เขาบอกว่าเนื้อเพลงร้องว่า ‘เจนไม่เคยมีความรัก เธอรู้แค่เมื่อมีคนต้องการเธอ’) “ผมร้องเพลงนี้ให้มิเชลล์ฟัง และบอกว่า ‘นี่คือบทของคุณ คุรเจอโจนาธานครั้งแรก และรู้สึกเหมือนสาวรุ่นที่เพิ่งรู้จักคำว่ารัก นั่นคือเหตุผลว่าทำไมตัวละครของคุณถึงได้เข้าใจยาก น่าพิศวง และงดงาม’ แล้วเธอก็ตอบผมว่า ‘โอเค ฉันรับเล่น’”
“เอสเป็นคนก้าวร้าว, มั่นใจ, เก่ง และเซ็กซี่ แต่ละอย่างล้วนเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยแสดงมาก่อน” วิลเลี่ยมส์กล่าว “และสุดท้ายเธอได้ค้นพบตัวตนของเธอเอง และมีความรัก”
“เธอสวยจนน่าทึ่ง” แจ๊คแมนพูดถึงวิลเลี่ยมส์ “ทั้งยังมีเสน่ห์และลึกลับ เธอจะดึงดูดคุณอย่างไม่อาจต้านทาน คุณจะตกหลุมรักเอสกับโจนาธานจนหมดหัวใจ เคมีระหว่างยวนกับมิเชลล์นั้นเหลือเชื่อ มันทำให้พวกเขากลายเป็นคู่รักในจอที่คุณเอาใจช่วย คุณจะลุ้นให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน”
“เราสองคนทุ่มเทกับมันโดยพยายามไม่ซ้อมล่วงหน้ามากเกินไป” แม็คเกรเกอร์พูดถึงการเข้าฉากกับวิลเลี่ยมส์ “พอกล้องเริ่มถ่าย เราก็เริ่มสร้างมันขึ้นมา เริ่มทำงานร่วมกัน มันเป็นการแสดงที่แท้จริง เวลาที่เราพยายามจับทางฉากนั้นๆด้วยกัน ผมว่าฉากที่แสดงกับมิเชลล์เป็นฉากที่สนุกมาก”
พระเอกตัวจริง : นิวยอร์ก
อีกตัวละครหนึ่งที่ผู้กำกับแลนเจเนกเกอร์ไม่ต้องเรียกตัวมาทดสอบบทก็คือมหานครนิวยอร์ก อย่างที่ผู้อำนวยการสร้าง เดวิด บุชเนล บอกว่า “นิวยอร์กเป็นตัวละครเอกของ Deception และทีมงานทุกคนคิดเหมือนกันว่าต้องถ่ายที่นี่” และแม้บางส่วนในหนังจะถ่ายทำที่มาดริด, รอบๆลาพลาซ่าเมเยอร์ และพาเซโอ เดล พราดา ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมืองนิวยอร์กคือส่วนสำคัญที่ทำให้ Deception มีพลังและลึกลับ
“การถ่ายทำในนิวยอร์กไม่ใชเรื่องง่าย” ผู้กำกับแลนเจเนกเกอร์เล่า “เราเจออุปสรรคหลายอย่าง แต่ก็ไม่มีเมืองไหนที่จะมาแทนที่นิวยอร์กได้ เพราะอย่างนั้น ตอนไปสำรวจสถานที่ เช่น สำนักงานหรือโรงแรม ผมจะเลือกที่ที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมือง ให้เหมือนภาพวาดของฮอปเปอร์ ที่ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่คนเดียวในห้อง และทอดสายตาออกไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่างอันสวยงาม แต่เขาเอื้อมไม่ถึง เพราะแนั้นผมก็เลยพยายามหาสถานที่ที่เราสามารถเห็นโจนาธานในห้องกระจกของเขา พร้อมกับวิวเมืองแมนฮัตตันด้านนอก ซึ่งเป็นโลกอันสวยงามที่เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่ง”
มิเชลล์ วิลเลี่ยมส์ ก็หลงเสน่ห์การถ่ายทำในนิวยอร์กเช่นเดียวกับแลนเจเนกเกอร์ “หนังหลายเรื่องถ่ายทำตอนกลางคืน ซึ่งฉันคิดว่ามีเสน่ห์มาก เป็นช่วงเวลาที่มหัศจรรย์ของนิวยอร์ก คุณลงไปในรถไฟใต้ดินเพื่อทำงาน ขณะที่คนอื่นหลับกันหมด มันเป็นอะไรที่โรแมนติคดีนะ”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ