ตะลุยแดนอาทิตย์อุทัย ติดตามปฏิบัติการ ทูตสัมพันธไมตรีของแฟนต้ายุวทูต 2548

ข่าวทั่วไป Thursday September 8, 2005 13:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ก.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
ระยะเวลา 6 ชั่วโมงของเที่ยวบินที่พาน้อง ๆ แฟนต้ายุวทูต ประจำปี 2548 ทั้ง 18 คน ที่ได้รับรางวัลใหญ่ บินลัดฟ้าถึงประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีผู้ใหญ่ใจดีจาก บริษัทไทยน้ำทิพย์ จำกัด, บริษัทหาดทิพย์ จำกัด (มหาชน), บริษัทโคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด และ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพ และพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ จัดให้น้อง ๆ แฟนต้ายุวทูต เพื่อเริ่มต้นปฏิบัติหน้าที่ทูตสัมพันธไมตรี ณ เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งพอเครื่องบินร่อนลงสู่สนามบินทำให้อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมที่นี่ถึงร้อนเหมือนกรุงเทพฯ นั่นเพราะช่วงนี้เป็นฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง การมาเยือนประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ทุกคนดูตื่นเต้น เพราะเป็นครั้งแรกที่มีกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมแบบโฮมสเตย์ เรียนรู้วัฒนธรรมของกันและกัน ซึ่งน้อง ๆ ทุกคนก็เตรียมตัวพร้อมสำหรับภารกิจนี้ และตื่นเต้นกับสิ่งต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น
ปฏิบัติการครั้งนี้ได้ผู้นำทีมอย่าง ผู้ช่วยศาสตราจารย์เฉลิมพล ดาวเรือง ประธานคณะกรรมการตัดสินโครงการ แฟนต้ายุวทูต ที่พาพวกเราไปเยือนเมืองปลาดิบ กล่าวว่า” ภารกิจของแฟนต้ายุวทูตครั้งนี้ ถือว่าประสพความสำเร็จอย่างสูง ในด้านการใช้ชีวิตต่างประเทศ เด็ก ๆ ทุกคนทำได้ดีมาก ทั้งนี้เนื่องจากพื้นฐานการคัดเลือกจากการเข้าค่ายในรอบสองของการประกวด ทำให้เด็กมีการปรับตัว ทั้งการวางตัว กิริยามารยาท การพูดจา และเรียนรู้การใช้ชีวิต เข้ากับวัฒนธรรมความเป็นอยู่ ของครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่ตนเองใช้ชีวิตอยู่ด้วย ส่วนครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่ให้การต้อนรับก็พอใจกับเด็ก ๆ ทุกคน ทำให้เราทราบว่า ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ มาก พวกเขาจะทำความเข้าใจกับเด็กและตอบสนองความต้องการของเด็กได้ อย่างมีขอบเขต”
ปฏิบัติการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเริ่มขึ้น เมื่อน้อง ๆ แฟนต้ายุวทูต เดินทางไปถึง อ.เฮวะ ที่นี่มีครอบครัวอุปถัมภ์ ยื่นยิ้มและคอยต้อนรับพวกเราอยู่ โดยแฟนต้ายุวทูต 2 คนต่อ 1 ครอบครัวอุปถัมภ์และก็แยกย้ายกันไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ ช่วงเวลา 3 วัน 2 คืน หลังจากนี้จะเป็นเวลาที่น้องแฟนต้าจะได้ใช้ชีวิตดูแลตัวเองและปรับตัวเพื่อเข้ากับครอบครัวอุปถัมภ์ และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย-ญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
น้อง ๆ ทุกคนได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมประเพณีของชาวญี่ปุ่น อาทิ พิธีน้ำชา เริ่มตั้งแต่การปฏิบัติตน และขั้นตอนการชงชาดื่มน้ำชาแบบญี่ปุ่นและยังได้ทานขนมหวานของญี่ปุ่นด้วย จากนั้นยังมีกิจกรรมสนุก ๆ เช่นการจัดดอกไม้ญี่ปุ่น ที่เรียกการจัดแบบอิเคบาน่า น้อง ๆ แฟนต้ายุวทูตทุกคนได้ลงมือทำโดยมีแม่อุปถัมภ์คอยช่วยดูแลและแนะนำ เสร็จจาก กิจกรรมก็ยังมีงานดื่มน้ำชา จะว่าไปก็เหมือนกับงานเลี้ยงของบ้านเรา น้อง ๆ แฟนต้ายุวทูตก็ได้แสดง ศิลปวัฒนธรรมไทยให้กับครอบครัวอุปถัมภ์ได้ชม แต่ละครอบครัวเอาใจช่วยและสนใจการแสดงของลูกบุญธรรมของตนเป็นพิเศษ ซึ่งทุกคนก็ชื่นชมความสามารถในการแสดงของน้อง ๆ แฟนต้ายุวทูตทุกคนเป็นอย่างมาก
กิจกรรมใหญ่อีกอย่างคือ น้อง ๆ แฟนต้าจะต้องไปแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ณ เวที ในงาน The 2005 World Exposition, Aichi (EXPO 2005 Aichi Japan) ทุกคนเตรียมตัว แต่งหน้ากันเอง ตามที่ได้ฝึกซ้อมกันมา ทุกคนคล่องแคล่วและช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี บนเวทีศาลาไทยและเวที Common 6 ชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ ที่เดินผ่านเข้ามาพากันหยุดชมการแสดงกันจนเต็มพื้นที่ ทั้งถ่ายรูปและถ่ายวีดีโอกันใหญ่ การแสดงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือการชกมวยไทย หลังจากจบการแสดงของน้อง แฟนต้ายุวทูต เรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งน้อง ๆ แฟนต้ายุวทูตทุกคนได้ทำหน้าที่ เป็นตัวแทนเยาวชนไทย ในการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างดี
เสร็จสิ้นภารกิจน้อง ๆ ยังได้ไปทัศนศึกษาภายในงาน The 2005 World Exposition, Aichi ในมุม Kids Eco Tour ซึ่งเป็นทัวร์ความรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องที่ทุกคนทุกประเทศต้องช่วยกันดูแล ทั้งในเรื่องของการแยกขยะโรงกำจัดขยะที่แยกมาแล้ว ด้วยโรงงานพลังไฟฟ้า นอกจากนี้น้อง ๆ ยังได้ไปเยี่ยมชมปราสาทหินคินคะซัน ที่นี่เป็นแหล่งรวมแมลงหลายชนิด ซึ่งระหว่างทางจะได้ยินเสียงของแมลงร้องดังมาก ๆ ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเขา จึงต้องนั่งกระเช้าไปชมวิวบนปราสาท ซึ่งมองเห็นบรรยากาศรอบปราสาท ส่วนภายในปราสาท จะมีการแสดงอาวุธสมัยโบราณ ชุดเกาะรูปปั้นโชกุน ภาพเขียนขุนนาง รวมถึงภาพวาดสมัยโบราณ และหนังสือราชการสมัยโบราณ
สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอีกที่คือ ปราสาทนาโกย่า เป็นปราสาทหินเช่นกัน สัญลักษณ์ของปราสาทนาโกย่าคือ ปลาที่ทำจากทองคำที่ยอดปราสาท และที่โดดเด่นมากในปราสาทคือ การจำลองเมืองโบราณ และการตกแต่งทั้ง เครื่องมือเครื่องใช้ในบ้านของคน ห้องทำงาน ห้องรับรองของขุนนางในยุคเอโดะ พร้อมการแสดงแสงเสียง ซึ่งให้บรรยากาศของเมือง เปลี่ยนตามเวลาเช้า กลางวัน เย็นและกลางคืนอย่างกลมกลืน น้อง ๆ แฟนต้ายุวทูตทุกคนตื่นเต้นกันมาก นอกจากนี้ยังได้ไปนมัสการพระที่วัดโอสึคันนน และเดินเที่ยวย่านโอสึ ซึ่งแหล่งช้อปปิ้งย่านนี้อยู่ติดกับวัด ที่เมืองนาโกย่า ในแถบย่านโอสึไปถึงย่านซาดาเอะ ก็เปรียบเหมือนย่านสยามบ้านเรา ที่ช้อปปิ้งแถวนี้มีร้านที่ถูกใจน้อง ๆ แฟนต้า อาทิ ร้าน 100 เยน, ร้านโปเกม่อน พาร์ค พากันดู ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน แต่ไม่ได้ซื้อของกัน เท่าไรเพราะราคาค่อนข้างแพง
สุดท้ายน้อง ๆ แฟนต้ายุวทูตก็ต้องโบกมือบ้ายบาย บอกลาครอบครัวอุปถัมภ์ บรรยากาศดูเศร้าเล็กน้อย น้อง ๆ แฟนต้ายุวทูตมอบของที่ระลึกให้กับครอบครัวอุปถัมภ์ ทุกคนซาบซึ้งกับความกรุณาและความมีน้ำใจของครอบครัวชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก แม้จะได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างจำกัดแต่ก็มีความผูกพันเป็นอย่างมาก ภารกิจของแฟนต้ายุวทูตไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้ หากแต่ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน เวลาไหน พวกเขาก็ยังเป็นแฟนต้ายุวทูต ที่พร้อมจะเป็นทูตสัมพันธไมตรีต่อไป
ความรู้สึกจากใจของแฟนต้ายุวทูต หลังจากการเยือนประเทศญี่ปุ่น
น้องโอม-อรญา ศิริกุลบดี หนึ่งในแฟนต้ายุวทูตจากภาคตะวันออก เผยความรู้สึกด้วยความตื่นเต้นว่า “ ชอบทุกอย่างที่ญี่ปุ่นมาก เช่น อาหาร นิสัย ความโอบอ้อมอารี มีน้ำใจของชาวญี่ปุ่น เวลามีใครมาก็ทักทาย ที่มาญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ชอบดอกซากุระ ชุดกิโมโน บ้านญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเขา นอกจากนี้ได้เรียนรู้และได้ประสบการณ์มากมายถ้ามากับพ่อแม่ก็จะไม่ได้รับประสบการณ์แบบนี้ การได้มานอนค้างคืนและเดินทางมาต่างประเทศโดยไม่มีพ่อแม่ทำให้รู้สึกว่าเราเข้มแข็งขึ้น แต่ก็คิดถึงพ่อแม่บ้างเหมือนกัน สิ่งที่ชอบที่สุดคือการได้ไปซื้อของในร้านร้อยเยน ชอบที่ได้เห็นของใช้ที่มีแบบอันเล็กๆ ซึ่งของเราจะเป็นอันใหญ่ๆ ซึ่งแปลกดี”
น้องแอ่นแอ๊น —สุพิชญา รูปสุวรรณ ตัวแทนแฟนต้ายุวทูตจากภาคเหนือ เล่าถึงบรรยากาศโฮมสเตย์ว่า “สิ่งที่ชอบที่สุดคือโอก้าซังกับโอโต้ซัง (พ่อแม่อุปถัมภ์) พาไปเล่นดอกไม้ไฟที่สวนสาธารณะข้างบ้าน แล้วก็มีพี่ 2 คน กับเพื่อน 1 คน เล่นด้วยกัน พี่ชื่อคันตะ (ชาย 14 ปี) ชีนามิ (ญ 15 ปี) กับ ซูบารุ (ช 9 ปี) มาเล่นดอกไม้ไฟ เล่นเป่าลูกโป่งด้วยกันใต้คอนโดที่อยู่ สนุกมาก บ้านเป็นบ้านแบบทันสมัยอยู่บนชั้น 4 คอนโด โอก้าซังทำอาหารให้กินอร่อยมาก มีอยู่วันหนึ่งทำไก่ทอด หมูปิ้ง ข้าวกับสลัด วันนั้นกินข้าวไม่เหลือซักเม็ดเลย แอ่นแอ๊นบอกแม่ด้วยว่า โออิชิ (อร่อย) แอ่นแอ๊นพูดญี่ปุ่นไม่ได้ เราคุยกันด้วยภาษาอังกฤษ คุยกับชีนามิมากที่สุด เพราะชีนามิพูดภาษาอังกฤษได้เยอะที่สุด ถ้าไม่รู้เรื่องก็วาดรูป หรือใช้ภาษามือช่วย สนุกดี”
น้องเป้-ทัตพงศ์ มาสุข แฟนต้ายุวทูตอีกคนจากภาคกลาง กล่าวถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ได้พบในประเทศญี่ปุ่นว่า “ อยากอยู่บ้านโฮมสเตย์อีก รู้สึกภาคภูมิใจที่เราชนะแล้วได้มาญี่ปุ่น สิ่งที่ชอบที่สุดคือวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่พอแขกมาบ้านก็ชงน้ำชาเลี้ยงแขก และนั่งคุยกัน รวมถึงการจัดดอกไม้ที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน และความตั้งใจมาก”
น้องแพร-ธัญสิริ โตพันธานนท์ แฟนต้ายุวทูตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า “การที่ได้มาญี่ปุ่นในครั้งนี้ เป็นประสบการณ์การเดินทางที่ดีมาก ได้เห็นว่าทุกอย่างที่ญี่ปุ่นทันสมัย ชอบการอยู่แบบโฮมสเตย์ สนุกมากเพราะมีเคนจิเป็นเพื่อนแพร (ลูกในบ้านอุปถัมภ์อายุ 9 ปี มีฮู้มี เป็นพี่สาวอายุ 11 ปี และเซย่าเป็นพี่ชาย13 ปี) ทุกคนคอยเล่นกับแพรและสอนแพรเล่นมายากลด้วย แม่ทำทั้งอาหารไทย ญี่ปุ่นและฝรั่งเลี้ยงแพรหลังพิธีน้ำชา แล้วยังพาไปกินซูชิอร่อยมากเลย และที่ World Expo แพรชอบรถไฟที่เร็วที่สุดในโลกที่ลอยขึ้นมานิดนึงและรถบัสที่ไม่มีคนขับที่สุดเลย เพราะที่เมืองไทยไม่มี นอกจากนี้ยังได้รับความรู้เกี่ยวกับการแยกขยะ อยากให้เมืองไทยมีการแยกขยะอย่างจริงจังและพัฒนาให้
เหมือนญี่ปุ่น ถ้าทำที่เมืองไทยแพรก็จะช่วยแยกขยะด้วย ตอนแสดงบนเวทีแพรก็ตื่นเต้นเพราะคนดูเยอะมาก แต่ก็รู้สึกดีใจที่ได้มาแสดงทำเพื่อชาติค่ะ”
น้องบี-ณัฐกมล สุรชิต หนึ่งในแฟนต้ายุวทูต จากภาคใต้ กล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “หนูพูดภาษาญี่ปุ่นได้ตั้งหลายคำ เช่น โอไฮโอโกไซมัส ที่แปลว่าสวัสดีตอนเช้า และยังพูดคำอื่น ๆ ได้อีก ซึ่งต่างจากตอนแรก ๆ ที่ไป ซึ่งต้องปรับตัวในด้านการสื่อสาร กว่าจะรู้เรื่องก็นานพอสมควร ส่วนในเรื่องความเป็นอยู่ ครอบครัวอุปถัมภ์ทุกคนใจดี บ้านที่อยู่เป็นบ้านเก่า เหมือนบ้านโบราณ อากาศดีมาก การเดินทางมาต่างประเทศทำให้เราได้ช่วยเหลือตนเอง น้องบีจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเอง และที่สำคัญทุกสิ่งดูตื่นตาทำให้เราหายคิดถึงพ่อแม่ไปได้บ้างค่ะ ประทับใจที่สุดที่ตัวเองสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในต่างแดน ส่วนเรื่องการแสดงเลือกการแสดง “แขกยิงนก” ที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์ของภาคใต้ไปแสดงให้ชาวญี่ปุ่นชมค่ะ”
น้องมีมี่-มณิชา บัณฑิตานุกุล ตัวแทนแฟนต้ายุวทูตจากกรุงเทพฯ เผยความรู้สึกว่า “ตื่นเต้นกับการใช้ชีวิตต่างแดน โดยไม่มีพ่อแม่ ทำให้เราได้ดูแลตัวเอง และไม่ทำตัวให้เป็นภาระของผู้อื่น ไปอยู่โฮมสเตย์ได้เพื่อนใหม่ชื่อ ซูมิ เขาและคุณพ่อคุณแม่อุปถัมภ์พาไปเที่ยวหลายที่ค่ะ ในฐานะตัวแทนของแฟนต้ายุวทูต หนูภูมิใจที่เราเป็นตัวแทนของคนไทย หนูเลือก การแสดงญี่ปุ่นรำพึง ไปแสดงให้เขาชม เป็นการรำประกอบเพลงที่ออกแนวญี่ปุ่นผสมกับการรำของไทย เป็นการเชื่อมสัมพันธ์กันค่ะ”
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร.0-2434-8300 สุจินดา, แสงนภา, ชลธิชา
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ