“ที เคปาร์ค เดินเคียงคู่ธรรมะ ฝึกเยาวชนให้มีสติและสมาธิ พร้อมทดแทนคุณบิดามารดาด้วยการชักชวนบุพการีเข้าวัด”

ข่าวทั่วไป Thursday May 19, 2005 10:48 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
วิถีชีวิตของคนไทยในปัจจุบันห่างไกลจากวัดและพระพุทธศาสนาออกไปทุกที พ่อแม่สมัยใหม่น้อยคนนักที่จะมีเวลาพาลูก ๆไปวัดปฏิบัติธรรม ทำให้เยาวชนในปัจจุบันเติบโตขึ้นโดยขาดที่พึ่งและสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ซึ่งเป็นที่มาของปัญหาวัยรุ่นทะเลาะวิวาท ก่ออาชญากรรม ยาเสพติดและปัญหาทางเพศ ดังนั้นหัวใจของค่ายธรรมะกับเยาวชน ซึ่งทางอุทยานการเรียนรู้ (TK Park) จัดขึ้น ณ วัดป่าสุนันทวนาราม จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 11- 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนและเป็นการเตรียมจิตใจสำหรับวันวิสาขบูชา คือการให้เยาวชนได้สัมผัสและเรียนรู้ธรรมะอย่างใกล้ชิด ได้ฝึกจิตใจให้มีความอดทน มีสติและสมาธิ รู้จักเอาชนะใจตนเองและกตัญญูต่อบิดามารดา ด้วยการน้อมนำธรรมะกลับไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ในการเล่าเรียนศึกษาหาความรู้ และการดำเนินชีวิต ประพฤติตนเป็นคนดีและชักชวนบิดามารดาให้เข้าวัดปฏิบัติธรรม ซึ่งถือเป็นการตอบแทนพระคุณบุพการีที่ประเสริฐที่สุด ดั่งเช่น พระพุทธเจ้าที่แสวงหาพระนิพพานเพื่อนำมาโปรดบิดามารดาและสาวกทั้งหลายให้พ้นจากทุกข์
ดร.สิริกร มณีรินทร์ ประธานกรรมการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้กล่าวว่า “เด็กและเยาวชนในยุคนี้น่าเป็นห่วง เพราะมีความเชื่อผิด ๆ ยึดติดอยู่กับวัตถุนิยมมากเกินไป การจัดค่ายธรรมะกับเยาวชน จึงเป็นองค์ความรู้หนึ่ง ซึ่งนอกเหนือจากการจัดสื่อการเรียนรู้และกิจกรรมต่าง ๆที่มีอยู่ภายในอุทยานการเรียนรู้ ชั้น 6 เซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า ที่เน้นให้เยาวชนได้สัมผัสและเรียนรู้วิถีชีวิตแบบไทย ๆ รู้จักความพอดี การไปวัดฟังธรรมะ การใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียง เห็นวิถีชีวิตของชาวพุทธในวัดที่ไม่ใช่พุทธพานิชย์ โดยมีทีมงานของ TK Park พร้อมด้วยคณะครูจากโรงเรียนวิถีพุทธรุ่งอรุณ นำโดยครูอารีย์ สิริโยธิน เป็นผู้ปกครองให้ความเอาใจใส่ดูแลเด็ก ๆ อย่างใกล้ชิดให้ความรักและความอบอุ่นจนกระทั่งเด็กเล็กๆที่ซุกซนบางคนให้ความไว้ใจเชื่อฟัง และคลายความคิดถึงพ่อแม่ตามประสาเด็กลงไปได้เลยทีเดียว และนับเป็นครั้งแรกที่ตนมาอยู่วัดฝึกปฏิบัติธรรมะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเด็ก ๆ และเชื่อว่าเมื่อเยาวชนเหล่านี้กลับออกไป เขาจะได้รับการปลูกฝังเรื่องของสมาธิ สติและปัญญา สามารถนำกลับไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ในชีวิต และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข อย่างน้อยเขาจะไม่ลืมว่า ครั้งหนึ่งได้นอนวัด ได้กราบพระ และการได้ฟังธรรมะสัมผัสกับธรรมชาตินั้นดีอย่างไร เมื่อเด็กกลับไปเล่าให้พ่อแม่ฟังและพ่อแม่ก็จะหาโอกาสพาครอบครัวเข้าวัดทำบุญ ปฏิบัติธรรม ซึ่งจะเป็นการสานต่อเจตนารมย์การเป็นครอบครัววิถีพุทธมากยิ่งขึ้น ”
น่าภาคภูมิใจแทนผู้ปกครองของน้อง ๆอายุระหว่าง 8-17 ปีที่มาเข้าค่ายธรรมะครั้งนี้ ภาพการฝึกปฏิบัติธรรมะโดยพร้อมเพรียงกันอย่างตั้งอกตั้งใจและมีระเบียบวินัยของเด็ก ๆทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือเด็กโต มีให้เห็นตลอดระยะเวลาของการเข้าค่าย 3 วัน 2 คืน แม้ว่าจะต้องตื่นแต่เช้ามืดประมาณตี 4 ครึ่ง เพื่อลุกขึ้นมาสวดมนต์ไหว้พระทำวัตรเช้า ฝึกนั่งสมาธิอย่างสงบและตั้งใจกว่า 1 ชั่วโมงเต็ม การเดินจงกรมผ่านป่าเขาโดยยึดหลักการ ”ปิดวาจา” คือการห้ามไม่ให้พูดคุยกันขณะเดิน ใช้สติกำกับ ฟังและสังเกตธรรมชาติรอบกาย เพื่อไปยังสถานที่ปฏิบัติธรรมแม้จะมีการซุกซนบ้างตามประสาเด็ก แต่โดยรวมทุกคนก็สำรวมกิริยาได้อย่างน่าชื่นชม นอกจากนี้ยังสามารถจับประเด็นข้อคิดจากการฟังธรรมะ เรื่องความกตัญญูและการคบเพื่อนจากท่านพระครูหนูพรหม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดป่าสุนันทวนาราม มาเป็นคำถามในช่วงสนทนาธรรม (ปุจฉา — วิสัชนา) ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องอีกด้วย ซึ่งท่านพระครูหนูพรหม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดป่าสุนันทวนารามกล่าวว่า “ ปัจจุบันนี้คนเราจิตใจฟุ้งซ่านเพราะถูกปรุงแต่งด้วยกิเลส จึงไม่มีความสุข การปฏิบัติธรรมเพื่อฝึกจิตใจไม่ให้ลุ่มหลง และมัวเมาไปกับอบายมุขสิ่งล่อตาล่อใจ ความสุขที่แท้จริงเกิดจากการที่เรามีสติรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ รักษาศีลระวังกาย ใจ เอาชนะอกุศลที่อยู่รอบตัวเรา และเมื่อนั้นปัญญาจะเกิด ซึ่งจะช่วยให้เราค้นพบทางพ้นทุกข์อย่างแท้จริง เท่าที่สังเกตดูเด็กจากต่างจังหวัด จะซึมซับธรรมะได้เร็วกว่าเด็กในกรุงเทพ อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อม และวิถีการดำเนินชีวิตที่ใกล้ชิดธรรมชาติและพระพุทธศาสนามากกว่า”
นอกจากนี้คณะครูพี่เลี้ยงจากโรงเรียนวิถีพุทธรุ่งอรุณ ยังได้จัดกิจกรรมกลุ่มให้เด็กๆได้เขียนสมุดบันทึกเล่าความรู้สึกที่มาเข้าค่ายครั้งนี้ ตลอดจนบอกเล่าสิ่งดีๆที่ตนได้รับจากการปฏิบัติธรรมและการช่วยกันทำความสะอาดที่พัก ถ่ายทอดลงในสมุดบันทึกอีกด้วย ส่วนครูอารีย์ สิริโยธิน แกนนำครูพี่เลี้ยง โรงเรียนวิถีพุทธรุ่งอรุณ กล่าวสรุปว่า “ อยากให้เด็ก ๆได้ใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ซึ่งเป็นแก่นแท้ของศาสนาพุทธ ได้มาทบทวนการปฏิบัติตนให้เหมาะสม เมื่อเด็ก ๆได้ฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ทั้งกายและใจ เพื่อให้มีพลังในการทำความดีต่อไปและเติบโตขึ้นเป็นคนดีมีคุณภาพของสังคม รู้จักกตัญญูต่อบุพการีและเลือกคบเพื่อนที่ดี ซึ่งจะพากันไปสู่สิ่งที่ดีและความเจริญในชีวิต
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร 0-2434-8300
สุจินดา แสงนภา อาภาภรณ์
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ