การเดินทางของวรรณกรรมเยาวชนชั้นเยี่ยมสู่ภาพยนตร์

ข่าวบันเทิง Monday August 25, 2008 14:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ส.ค.--สหมงคลฟิล์ม
http://en.wikipedia.org/wiki/The_City_of_Ember
http://www. suite101.com/article.cfm/childrens_writing/105648
http://www.jeanneduprau.com/
“ฉันเติบโตขึ้นมาในช่วงทศวรรษที่ 50s โดยผู้คนในยุคสมัยนั้น ต่างก็มีความกังวลในเรื่องของสงครามนิวเคลียร์ มีหลายคนสร้างหลุมหลบภัยในสวนหลังบ้านของพวกเขา ฉันคิดว่านั้นเป็นไอเดียหลักของ “แอมเบอร์” เมืองที่ถูกสร้างเพื่อรักษามนุษยชาติจากภยันอันตรายต่างๆ และฉันก็ยังสนใจในไอเดียของเมืองที่ไม่มีพลังงานทดแทนอย่างอื่นนอกจากไฟฟ้า คิดดูสิว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าต้องตกอยู่ในความมึดมิด รู้ว่าสเบียงพวกเขากำลังจะหมด และไม่รู้เกี่ยวกับสภาพดินฟ้าอากาศ, ต้นไม้หรือแม้กระทั่งสัตว์ (ยกเว้นหนูและแมลง)
และสถานที่อื่นนอกจากที่นี้? สิ่งเหล่านี้มันอยู่ในจินตนาการของฉันระหว่างเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้น ฉันคิดว่ามันจะทำให้ผู้คนตระหนักถึงโลกของเรา ตระหนักถึงดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ถึงป่าไม้และท้องทะเล ถึงสายลมและสายฝน ว่ามันมีคุณค่ากับเรามากแค่ไหน” - ฌานน์ ดูโปร (ผู้เขียนวรรณกรรมเรื่อง City of Ember)
City of Ember ที่มีชื่อไทยว่า พิภพบาดาล (แปลโดย แสงตะวัน) เป็นเรื่องราวของเมืองในอนาคตอันใกล้ ที่ถูกสร้างขึ้นโดยคนสองกลุ่ม พวกเขาปรึกษากันว่า ถ้าเกิดวันใดที่เมืองต้องมีอันเป็นไป พวกเขาจะทิ้งคำแนะนำสำหรับการหลบหนีออกจากเมืองเอาไว้ในกล่องพิเศษ ที่จะเปิดเองหลังจากที่เวลาผ่านไป 220 ปี โดยมอบให้แก่นายกเทศมนตรีของเมือง (ที่ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน) รักษาเอาไว้ จากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง กล่องใบนั้นก็ยังถูกรักษาเอาไว้อย่างดี โดยที่ชาวเมืองเองก็ไม่เคยรู้ว่ากล่องใบนั้นจะมีตัวตนจริง อย่างไรก็ตาม กล่องก็มีอันต้องสูญหาย เมื่อนายกเทศมนตรีคนที่เจ็ดพยายามที่จะเปิดมัน และเสียชีวิตก่อนที่จะมอบให้กับคนต่อไป
ผ่านมาปีที่ 241 ในการใช้ชีวิตของชาวเมืองแอมเบอร์ นี้คือวัน “มอบงาน” ให้กับนักเรียนของเมืองแอมเบอร์ โดยชื่อของพวกเขาจะถูกสุ่มจับขึ้นมาโดยนายกเทศมนตรี ให้ตรงกับงานที่พวกเขาจะได้รับมอบหมาย ลีน่า เมย์ฟรีด (Lina Mayfleet) ได้รับหน้าที่เป็นแรงงานซ่อมท่อ ที่เธอจะต้องลงไปอยู่ใรชั้นใต้ดิน ในขณะที่นักเรียนอีกคนหนึ่ง ดูน ฮาร์โรว (Doon Harrow) ได้เป็นคนส่งข่าว ซึ่งเป็นทีมสื่อสารที่จะต้องเดินทางไปรอบเมือง เพื่อส่งข้อความระหว่างคนในเมืองฝากให้แก่กันและกัน
ทั้งสองต่างก็ไม่ชอบงานที่ตัวเองได้รับมอบหมาย พวกเขาจึงตัดสินใจแลกงานกัน ซึ่งมันก็ทำให้ทั้งสองได้ล่วงรู้ถึงความลับที่ถูกซ่อนอยู่ในเมืองนี้ โดนดูนนั้น หวังว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาไฟดับในเมืองให้ได้ ก็ได้ค้นพบอุงโมงค์ที่นำไปสู่ห้องลับ ซึ่งมีเครื่องปั่นไฟเก่าๆที่เขาเองก็ไม่อาจจะซ่อมได้ ส่วนลีน่าเองนั้น ก็รู้สึกแปลกใจกับข้อความที่ถูกส่งไปยังนายกเมศมนตรี โดยคนที่มีชื่อว่า "ลูเปอร์"
ฌานน์ ดูโปร ได้พูดถึงฮีโร่ทั้งสองในหนังสือของเธอว่า "ฉันเองก็มีส่วนที่คล้ายกับตัวละครทั้งสองอยู่บ้าง เช่น ลีน่า ฉันชอบวาดรูปและวิ่งเล่นในวัยเด็ก และฉันก็ยังมีจินตนาการที่เหมือนกับเธอ และดูน ฉันเองก็ชอบสะสมแมลง สนใจในการทำงานของสิ่งจ่างๆ และยังชอบอ่านอกีด้วย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองดูจะมีความกล้าและต้องการผจญภัยมากกว่าฉันเยอะ"
ในที่สุดทั้งสองก็ได้ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ เมื่อค้นพบว่ากระดาษที่ลีน่าเจอในบ้านของเธอ เป็นคำแนะนำในการหลบหนีออกจากเมืองแอมเบอร์ และในชั้นใต้ดินนี้เองก็เป็นกุญแจที่จะหลบหนีออกจากที่นี้ พวกเขายังค้นพบอีกว่า ชายที่ชื่อ "ลูเปอร์" นั้น ได้ขโมยบางสิ่งบางอย่างจากห้องลับที่พวกเขาพบ และนำมันเอาไปมอบให้กับนายกเทศมนตรี ซึ่งเขาก็ได้ออกตำสั่งให้จับ ลีน่า และ ดูน ก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะได้มีโอกาสเล่าถึงเรื่องการค้นพบของพวกเขา ในข้อหา "ปล่อยข่าวลือในเรื่องที่เลวร้าย" พวกเขาถูกขับให้ออกจากเมือง ซึ่ง ดูน, ลีน่า และ ป๊อปปี้ น้องสาวของเธอ ก็ได้หลบหนีออกมาจากแอมเบอร์โดยเรือในแม่น้ำชั้นใต้ดิน
เรื่องราวของพวกเขาทั้งสามคนนั้นจะเป็นอย่างไร สุดท้ายแล้วพวกเขาจะค้นพบความลับของเมืองได้หรือไม่ และความลับนั้นมันคืออะไรกันแน่ ขอให้ทุกคนติดตามกันได้ในหนังสือเรื่อง พิภพใต้บาดาล หรือ จากทางภาพยนตร์เรื่อง City of Ember ที่กำลังจะเข้าในตุลาคมปี 2008 นี้
หนังสือเล่มที่สองในซีรี่ย์ “Book of Ember” คือ The People of Sparks ที่มีชื่อไทยว่า บ้านใหม่บนดิน (แปลโดย แสงตะวัน) ถูกตีพิมพ์ในปี 2004 โดย สปาร์ค เริ่มเรื่องหลังจากที่ แอมเบอร์ จบลง ซึ่งเป็นการพบกันระหว่างพลเมืองแอมเบอร์ที่สามารถขึ้นมาบนพื้นดินแล้ว กับพลเมืองชาวสปาร์ค ที่สร้างเมืองของพวกเขาหลังจากที่เกิดมหันตภัยครั้งใหญ่
เล่มที่สามของซีรี่ย์มีชื่อว่า The Prophet of Yonwood ถูกวางจำหน่ายในอเมริกาช่วงพฤษภาคมปี 2006 โดยหนังสือเล่มนี้ จะเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าเล่มแรกและเล่มที่สอง 50 ปี โดยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้ามหันตภัยครั้งใหญ่และการก่อสร้างของเมืองแอมเบอร์
จากคำบอกเล่าของฌานน์ ดูโปร เล่มที่สี่จะมีกำหนดวางแผงในวันที่ 26 สิงหาคม 2008 โดยจะมีชื่อว่า The Diamond of Darkhold ซึ่งจะเป็นเล่มสุดท้ายของซีรี่ย์ และเป็นเรื่องราวที่ต่อจากเล่มสอง โดยจะเล่าถึงการใช้ชีวิตของพลเมืองแอมเบอร์ในหน้าหนาวครั้งแรกบนพื้นภิภพ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ