สัมภาษณ์พิเศษ 2 หนุ่มสุดฮอต “สตาร์บัคส์” และ “หลังเลนส์” จากคนธรรมดาที่กลายมาเป็น “เหยื่อฮาอันโอชะ” ของ “สาระแนห้าวเป้ง”

ข่าวบันเทิง Thursday May 7, 2009 16:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 พ.ค.--สหมงคลฟิล์ม มาทำความรู้จักกับ2ครีเอทีฟหน้าใหม่จากรายการแกล้งดาราสุดฮิตที่ชีวิต24ชม.ตลอด120วันในช่วงทดลองงานถูกบันทึกและกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของความสนุก สุข ระทึก เศร้า ซึ้ง กวน มันส์ ฮาใน “สาระแนห้าวเป้ง” Q.ทักทายกันหน่อย สตาร์บัคส์ สวัดดีครับ ผมชื่อ พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล ชื่อเล่น สตาร์บัคส์ ครับ เรียนจบคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ เอกประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร (ปี50)ครับ หลังเลนส์ สวัดดีครับ ผมชื่อ เสกสรร รัตนพรพิศ ชื่อเล่น หลังเลนส์ ครับ เรียนจบคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ เอกภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร (ปี51) ครับ Q.มาร่วมงานสาระแนห้าวเป้งได้อย่างไร สตาร์บัคส์ มาสมัครเป็นครีเอทีฟก่อนครับ คือก่อนที่จะมาสมัครงานที่นี่ผมก็เรียนจบมหาลัยมา แล้วก็รับจ็อบฟรีแลนซ์อยู่ 1 ปี วันหนึ่งก็เจอรุ่นน้องคนหนึ่ง เขาชวนผมมาสมัครงานที่สาระแน เขาบอกว่าเปิดรับสมัครอยู่ แล้วตอนนั้นผมก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลย เพราะพรุ่งนี้ต้องไปสมัครแล้ว วันรุ่งขึ้นก็ไปสมัครงานกันไม่มีพอร์ตด้วยนะ ไม่มีอะไรมาเลย ผมบอกกับรุ่นน้องว่างั้นถือว่ามาเที่ยวสนุกๆละกัน ก็ไปสมัครทิ้งไว้ แล้วพี่ที่สาระแนเขาก็ทิ้งช่วงมานานมากกว่าจะติดต่อกลับมา ตอนนั้นผมถอดใจเรียบร้อยแล้ว คิดว่าคงไม่ได้มาทำแน่ๆเลย สักพักพี่เขาก็โทรมาให้ไปมอบตัว ก็เลยไป แล้วก็ได้ ผมยังงงอยู่เลย ได้ๆไงว่ะ เพราะว่าทุกอย่างมันบังเอิญหมดเลย ไปก็บังเอิญ เจอรุ่นน้องก็บังเอิญมาก แล้วมาสมัครงานก็บังเอิญ คือบังเอิญทุกอย่าง แต่ได้ หลังเลนส์ ผมก็คล้ายๆพี่สตาร์บัคส์ มีรุ่นน้องมาชวนไปสมัครเป็นครีเอทีฟ ก็ไม่คิดว่าจะได้เหมือนกัน ผมเคยถามพี่ๆที่รู้จัก เขาบอกว่าสมัครกัน 700 คน ผมก็คิดว่าคงไม่ได้อยู่แล้วล่ะ ก็ไม่ได้คิดอะไร จนวันหนึ่งมีพี่ทีมงานโทรมาบอกให้มารายงานตัว ก็ดีใจพอรู้ว่าตัวเองได้เข้ามาทำงานครับ Q.เป็นส่วนหนึ่งของทีมงานสาระแนแล้ว เล่าหน้าที่ๆต้องรับผิดชอบให้ฟังว่าต้องทำอะไรบ้าง สตาร์บัคส์ อย่างแรกเลยก็แคนดิดดาราครับ ส่วนปลีกย่อยก็คือ เราต้องรู้ข้อมูลดาราก่อนว่าเขาชอบอะไรบ้าง หรือกลัวอะไร ต้องทราบทุกอย่างที่เป็นพฤติกรรมเขาครับ พอรู้เสร็จก็เอาเข้าที่ประชุมว่าจะแกล้งเขาเรื่องอะไรดี เราก็ไปพิมพ์สคริปต์ว่าจะทำอะไรบ้างกับดาราคนที่เราเล็งเขาไว้แล้ว หลังเลนส์ แต่พวกเรา2คนจะยังไม่ใช่คนที่คิดงานทั้งหมด คือเขามีพี่ๆที่เป็นแกนหลักอยู่แล้วพี่ที่เขาโตกว่า เราก็เป็นกำลังเสริม แล้วก็เรียนรู้จากเขาอีกที ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นเรียนรู้อยู่ด้วย แล้วบางที่การคิดสคริปต์ หรือการที่จะไปแกล้งเขาต่อ มันก็ต้องมีข้อมูล ก็ต้องหาวิธีที่จะให้ได้ข้อมูลนั้นมา บางทีต้องปลอมตัวบ้าง หรือว่าใช้นกต่อบ้าง เพื่อให้ได้ข้อมูลมา สตาร์บัคส์ พอได้ข้อมูลเสร็จเราก็ต้องวางแผนที่จะแกล้งเขาอย่างดีเลย ก็ต้องเผื่อเวลาล่วงหน้าไว้เยอะๆ เพราะมันจะมีพวกเหตุสุดวิสัยเกือบทุกเทป ที่มันควบคุมไม่ได้ อย่างคนแก่ สัตว์ หรือนักแสดง เช่นนี้แหละ ก็ต้องแก้ปัญหาให้ได้ ตอนแรกพวกรุ่นพี่จะเป็นคนแก้ซะส่วนใหญ่ ผมก็ตามเขาไปเพราะผมยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร Q.บรรยากาศการทำงานเป็นอย่างไรบ้าง หลังเลนส์ คือผมก็ไม่เคยไปอยู่บริษัทอื่น แต่ผมก็คิดว่าที่นี่ไม่น่าเหมือนบริษัทไหนครับ ทั้งด้านการทำงาน และระบบงาน สตาร์บัคส์ ผมก็มาสมัครที่นี่เป็นที่แรกเหมือนกัน ก็รู้สึกเหมือนยังเรียนอยู่เลย เพราะมันมีส่วนที่มันสนุก แล้วก็มีส่วนที่มันเหมือนพี่เหมือนน้อง บรรยากาศการทำงานเลยไม่เครียด จะเครียดก็ช่วงที่แบบงงอ่ะครับ ทำตัวไม่ถูกก็งง จะนิ่ง หรือบางทีก็เต้นเลย เป็นการ relax ไป Q.ทีมงานสาระแนให้โจทย์อะไรมาบ้าง สตาร์บัคส์ พอเข้ามาวันแรก พี่เปิ้ลกับพี่หอยเขาก็จะบอกเราเลยว่าการทำงานของเรามีอะไรบ้าง ต้องแคนดิดดาราทั้งหมด 4 คน ก็มีพี่โก๊ะตี๋ พี่แอ๊ด พี่หม่ำ แล้วก็เบบี้ว๊อกซ์ ถ้าแคนดิดสำเร็จทั้งหมด ถือว่าผ่านโปร(ทดลองงาน) ได้ทำงานต่อ แต่พอแคนดิด 4 คนเสร็จปุ๊บ เหมือนกับมีปัญหาติดอยู่นิดหน่อยอ่ะครับ Q.เล่าความรู้สึกที่ได้แคนดิดดาราทั้ง 4 คนนี้ให้ฟังหน่อย สตาร์บัคส์ ถ้ากดดันที่สุดผมว่าพี่แอ๊ดครับ เพราะผมไม่มั่นใจตั้งแต่ปลอมตัวแล้ว ผมคิดว่าถ้าเป็นโจรเป็นสายลับอะไรเขาคงไม่ปลอมตัวถึงขนาดนี้แน่นอน เพราะเวลาจับได้แล้วมันหาทางชิ่งยาก แล้วเครื่องมือเครื่องไม้ที่ใช้ในการปลอมตัวนี่เต็มไปหมดเลย แล้วก็โดนจับได้จริงๆก็เลยเกิดเรื่องระทึกขวัญนิดหน่อย หลังเลนส์ แคนดิดพี่แอ๊ดนี่ก็เจอเสือด้วย แล้วด้วยความที่พี่แอ๊ดเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ความรู้สึกของพวกเราก็ไม่มั่นใจว่าจะสำเร็จรึเปล่า คืออย่างเราเป็นใครก็ไม่รู้ แล้ววันหนึ่งต้องมาแกล้งพี่แอ๊ด ก็เลยไม่มั่นใจว่าจะทำสำเร็จมั้ย สตาร์บัคส์ มันจะเกร็งนิดๆ คือถ้าคิดเรื่องเกร็งมันก็จะเกร็งต่อไป หลังเลนส์ ส่วนอย่างพี่หม่ำและพี่โก๊ะตี๋จะออกในแนวมันส์มากกว่า สตาร์บัคส์ อย่างพี่หม่ำนี่จะมีช่วงลำบากใจแล้วก็ซึมด้วย ตอนที่ไม่ไปตามนัดเขาเพราะไปไม่ทัน แล้วพอไปสัมภาษณ์พี่หม่ำก็มีเหตุอีก ไปแคนดิดจริงๆก็มีเหตุเกิดขึ้นอีก หลังจากแคนดิดเสร็จมีอีกเหตุหนึ่งอีก นี่ยังไม่รวมพี่แอ๊ดและคนที่เหลือนะ แค่พี่หม่ำคนเดียวก็มีเหตุถึง 4 อย่างแล้วละครับ Q.ตอนพี่หม่ำโกรธ พวกเรารู้สึกอย่างไรบ้าง สตาร์บัคส์ คือคิดว่าเขาแกล้งครับ คิดว่าทีเล่นทีจริง แล้วพี่หม่ำแกสนิทกับพี่เปิ้ลด้วย หลังจากนั้นอีกใจหนึ่งก็คิดว่าจริง แล้วยิ่งพอแคนดิดเสร็จใจก็คิดเอาแล้ว เป็นเรื่องแล้ว ก็วนเวียนอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา หลังเลนส์ พอพี่หม่ำลงจากแท๊กซี่ เดินเข้าไปเห็นพี่หม่ำยืนตัวสั่นอยู่แล้วแบบ คือไม่รู้ว่าจะทำอะไรยังไงด้วยได้แต่ขอโทษเขาอย่างเดียว เราก็สำนึกผิดด้วย คิดว่าพี่หม่ำต้องโกรธเราแน่ๆเลย คือตอนเตรียมตัวที่จะแคนดิด เราก็ไม่คิดว่าสิ่งที่เราเตรียมกันจะทำให้พี่หม่ำจะโกรธขนาดนี้ คือเห็นภาพแล้วพี่หม่ำคงกลัวจริงๆครับ Q.ใครเป็นคนถือน้ำเอาเข้าไปใปให้พี่หม่ำ หลังเลนส์ ผมนี่แหละ คือพี่หม่ำลงมาเขาก็ด่าๆๆอย่างเดียวเลย คือด้วยความที่เราแกล้งเขาแล้ว เราก็ควรจะขอโทษเอาน้ำไปเสิร์ฟไปบริการ แต่ตอนนั้นพี่หม่ำโกรธมาก เขาก็เลยปัดน้ำใส่หน้า ผมก็ซึมเลย สตาร์บัคส์ ตอนนั้นผมตื่นเต้นกับฉากระเบิดอยู่ คืออยากเห็นมากเลยว่าพี่หม่ำตอนนั้นหน้าตาจะเป็นยังไง แต่พอลงรถมาปุ๊บ ผมกับหลังเลนส์ก็ไปตรงหน้าประตูที่เขาลงมาเลยครับ ก็คุกเข่าไหว้ขอโทษก่อนเลย แล้วตอนนั้นเท้าพี่หม่ำก็อยู่ห่างจากหน้าผมไม่ไกลเลย ผมก็คิดว่าเตรียมตัวเจ็บแล้วแหละ แล้วพี่เปิ้ลพี่หอยก็เข้ามาเคลียร์กัน ตอนนั้นผมก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันว่าจะทำยังไงดี ไม่รู้จะพูดยังไงดี เพราะผมขอโทษได้อย่างเดียว คิดอะไรไม่ออก เพราะมันยังชาๆอยู่ Q.เล่าถึงการแคนดิด BABY V.O.X Re.V ให้ฟังหน่อย สตาร์บัคส์ สำหรับผมนี่เพลินสุดแล้วครับ อย่างแรกเลยคือผมไม่ค่อยเห็นหน้าเขาด้วย ก็เลยไม่ค่อยเกร็งเท่าไร ก็เหมือนเห็นคนธรรมดา ก็พูดตามสคริปต์เรื่อยๆเพลินๆ ก็สลับกันถาม-ตอบ คือจะมีลูกกุ๊กกิ๊กกันซะเยอะครับ ผมโทรไปบอกเพื่อนมีแต่คนร้อง โอ้โห คือไม่มีใครบอกว่า อ๋อเหรอ เลยซักคน หลังเลนส์ มันไม่ถือว่าเป็นแคนดิดครับ เรียกว่าเป็นกำไรชีวิตดีกว่า Q.แล้วแคนดิดโก๊ะตี๋ล่ะ เป็นอย่างไรกันบ้าง สตาร์บัคส์ ของโก๊ะตี๋จะมีอยู่ช็อตนึงที่เราต้องไปหาข้อมูลเด็กแว๊น ปลอมตัวเป็นนักศึกษา แล้วก็มีกล้องรูเข็ม เหมือนสายลับเลย แล้วก็ไปหลอกถามข้อมูลเด็กแว๊นแถวสุขาภิบาล 3 แล้วก็ตรงพุทธมณฑล น่ากลัวมากเลย พอลงรถเสร็จปุ๊บ ผมก็ตั้งหลักไกลๆเลย ให้เหมือนว่าเดินเข้ามาหาเขา พอเดินมาถึงปุ๊บก็สวัดดีเขาก่อนเลย บอกพี่ครับจะมาหาข้อมูลเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ ว่าส่วนใหญ่เขาไปแข่งกันที่ไหน แล้วไวเล็ต(ไมค์อัดเสียงไร้สาย)นี่อยู่ตรงกระเป๋ากางเกงเลย กล้องนี่อยู่ตรงกระดุมเสื้อ ขานี่ร้อนเลย ก็ถามว่า พี่ครับ มอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่เขาใช้รุ่นอะไรกันบ้างครับ ถามไปถามมา เขาก็ถามกลับมาว่าเป็นสายรึเปล่า ผมก็บอกว่าไม่ได้เป็นครับ ก็บอกไปว่า ตอนนี้ผมกำลังทำหนังสั้นอยู่ ก็เลยมาหาข้อมูล ก็แถไปเรื่อยๆ แล้วในที่สุดเขาก็คุยกันแบบเป็นกันเอง เขาก็บอกเลยว่าตรงไหนเขาจะแข่งกัน เราก็ไปส่วนตรงนั้นต่อ ก็รู้ว่าเด็กแว๊นบางคนนี้ไม่ได้ก้าวร้าวหรือว่าน่ากลัวอย่างที่เราคิดเลยครับ บางคนนี่นิสัยดีด้วย มีกติกา มีสังคมของเขาด้วย ก็ทำให้เห็นโลกกว้างขึ้น หลังเลนส์ อย่างพี่โก๊ะตี๋ที่ได้รับข้อมูลมาคือเป็นคนที่น่ารักมากครับ สตาร์บัคส์ พี่โก๊ะตี๋ ก็จะสนุกมากกว่า ไม่ค่อยจะเครียดเท่าไร อาจเป็นเพราะว่าผมไม่ได้รับมอบหมายงานเยอะมากเท่าไร จะเป็นแบบเดี๋ยวช่วยดูตรงนั้นตรงนี้มากกว่า เช่นปล่อยคิวรถมอเตอร์ไซค์ Q.ถ้าต้องอยู่ในสถานการณ์แบบโก๊ะตี๋บ้าง เราจะรู้สึกยังไง สตาร์บัคส์ ถ้าผมเป็นโก๊ะตี๋ คงไม่น่าเชื่อว่าจะต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรที่มันติดๆกัน แล้วเป็นเหตุการณ์ที่เขากลัวทั้งหมด ได้เจอเหตุการณ์ที่มันติดๆกัน อย่างเขากลัวผี เขาก็จะได้เจอผี เขากลัวมอเตอร์ไซค์ เขาก็จะได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปเจอผี อย่างโก๊ะตี๋จะมีอยู่ตอนหนึ่งที่ผมต้องนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์คันข้างๆ แล้วก็ต้องถ่ายวีดีโอเขาไปด้วย แล้วมีอยู่ช็อตนึงที่ได้คุยกับเขา เขาก็จะพูดถึงพ่อแม่เขาตลอดเลย เหมือนเขาเป็นห่วงพ่อแม่ รักครอบครัว ประมาณนี้ครับ หลังเลนส์ เป็นผม ผมกลัวผมก็คงพูดอะไรไม่ออกครับ ก็ได้แต่ร้องอย่างเดียวแหละ Q.พูดถึง3สาระแนอย่าง วิลลี่ เปิ้ล หอย ที่เราทั้งคู่ได้มีโอกาสร่วมงานกัน เป็นอย่างไรบ้าง สตาร์บัคส์ พี่ทั้ง 3 ก็เป็นกันเองดี คือไม่ต้องเรียกว่า หัวหน้าครับ ลูกพี่ครับ คือเรียกพี่ได้เลย เหมือนเป็นพี่น้องกัน ทำให้ไม่รู้สึกเกร็ง ก็เป็นกันเองดีครับ หลังเลนส์ บางทีก็รู้สึกเกรงใจเหมือนกันครับ บางทีตอนทำงานเราก็สร้างความเดือดร้อน พี่เขาก็รับผิดชอบ Q.โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าพวกเราห้าวเป้งกันมั้ย หลังเลนส์ คือทุกคนมันมีความห้าวเป้งอยู่แล้ว เพียงแต่ใครจะระบายมันออกมาน้อยหรือมากเท่านั้น แต่ในหนังเรื่องนี้มันจำเป็นจะต้องใช้ความห้าวเป้งไปก่อเรื่องก่อราวครับ สตาร์บัคส์ แต่ห้าวเป้งสำหรับผมมันหมายถึง กล้าๆ กลัวๆ แต่ก็สนุกดี แล้วก็คิดวนไปวนมา เพราะว่าคำนี้มันเกิดมาจาก 4 เดือนนี้ครับ เหมือนอารมณ์นี้ที่ไปเจอมาภายใน 4 เดือน มันเลยกลายมาเป็นห้าวเป้ง Q.สุดท้ายคนดูจะได้เห็นอะไรในสาระแนห้าวเป้ง สตาร์บัคส์ หลักๆเลยก็จะได้เห็นผมทำงานไปแกล้งคนอื่น แล้วสุดท้ายก็โดนทีมงานแกล้งผมเอง เหมือนโดนหักหลังนิดๆแต่ที่จริงแม่งโคตรเจ็บเลย หลังเลนส์ ก็จะได้เห็นรสชาติของรายการสาระแน คนดูอาจจะเคยเห็นแต่ในทีวี แต่คราวนี้มันไม่ใช่ คนดูจะได้เห็นความสนุกความมันส์ของทีมงานที่แบบ กว่าจะผลิตรายการออกมาให้คนดูได้ดูกัน สตาร์บัคส์ คือคนที่ไม่ได้มาสมัครหรือทำงานที่นี้ก็คงไม่ได้เจออะไรแบบนี้เลย อย่างเช่นเจอเสือ เจอฉากรถชน ได้ไปคลุกคลีกับพวกเด็กแว๊น ได้คุยตัวต่อตัวต่อหน้าพี่แอ๊ด ได้ไปทานข้าวกับพี่หม่ำ คือชีวิตปกติมันไม่มีใครได้เจอแบบนี้แน่นอน ก็ประมาณนี้ครับ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ