แนะนำหนังสือ ตามรอยพระราชนิพนธ์พระมหาชนก

ข่าวทั่วไป Monday November 30, 2009 14:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 พ.ย.--สำนักพิมพ์ ปัญญาชน หนังสือ ตามรอยพระราชนิพนธ์พระมหาชนก เกิดด้วยแรงจิตอธิฐานด้วยความศรัทธาใน องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าด้วยเรื่องราว - ตามรอยพระองค์ท่านในเรื่องความเพียร ในบาทความสำเร็จ จากอิทธิบาท ๔ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้า ที่ยิ่งใหญ่กว่า The Secret กฎแห่งการดึงดูด - ตามร่องรอยเมืองโบราณ ในพระมหาชนกกับเมืองในปัจจุบัน และการเรียนรู้ทางภูมิศาสตร์ - เป็นเรื่องราวความมหัศจรรย์พระราชนิพนธ์พระมหาชนก ว่าด้วยความมหัศจรรย์ แห่งมณี เมขลา ในการใช้ปัญญาประยุกต์เข้ากับฝนหลวง ใช้เป็นแนวกั้นพายุนาร์กีส อีกทั้งข่าวเรื่องการทำฝนเทียม เป็นแนวป้องกันการเกิดพายุเข้าสู่ประเทศ เลยทำให้ผมเกิดความปิติเป็นล้นพ้น ที่ได้เกิดมาบนพื้นแผ่นดินไทยที่มีพระองค์ท่านเป็นยิ่งกว่าคำว่าพระมหากษัตริย์ ทุกครั้งที่เล่าเรื่องราวนี้จะเกิดความปิติทุกครั้งไป จนทำให้ผมอยากจะถ่ายทอดความรู้สึกจากใจของผมให้เพื่อนๆคนไทย ๖๐ ล้านคนได้มีโอกาสรับรู้ความมหัศจรรย์แห่งพระมหาชนก แล้วจะรู้ว่าคำว่า “เรารักพระเจ้าอยู่หัว”ไม่มีนิยามไหนจะมาอธิบายได้มากกว่าคำๆนี้สำหรับคนที่เกิดบนพื้นแผ่นดินไทย ผมอยากจะกล่าวว่าชีวิตนี้ช่างโชคดีนักที่ได้เกิดเป็นพสกนิกรในยุคสมัยของพระองค์ท่าน “เรารักพระเจ้าอยู่หัว” ฝนหลวง ต้านพายุ จริงหรือ การที่มีกระแส ข่าวออกมามากมาย ทั้งคำถาม ที่เกิดขึ้น ว่า ฝนเทียม หรือ ฝนหลวง ของไทย สามารถ เป็นแนวกั้นพายุได้จริงหรือไม่ ถ้าได้ แล้วทำไม ประเทศอื่นไม่ทำ หรือ ไม่น่าจะทำได้ เพราะ แค่ฝนเล็ก ๆ จะกั้นพายุลูกใหญ่ ๆ ได้อย่างไร เหล่า นี้ล้วนแต่ เป็น เรื่อง เชิง วิชาการทั้งสิ้น ...ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับ ฝนหลวง กันเสียก่อน พระปรีชาสามารถ ฝนหลวงป้องกันพายุนาร์กีส ให้แก่พสกสิกร อ่านแล้วน้ำตาไหล... ฝนเทียมในหลวงป้องกันภัยพายุไซโคลนนาร์กีสให้แก่ไทย ขออนุญาตนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาเล่าสู่กันฟัง เมื่อวันศุกร์ผมได้มีโอกาสได้เข้าค่ายที่ศูนย์ฝึกทหารของค่ายนเรศวร วันแรกที่เข้าไปกะบรรยากาศครึ้ม ๆ ผมก็ว่า เอ... แปลกๆนะ ทำไมอากาศอบอ้าวเหมือนจะมีฝน แต่ก็คิดว่าคงเป็นไปตามสภาพอากาศพอไปถึงก็ทำกิจกรรมจนได้เข้าหอประชุมตอนดึกใกล้เวลานอนมากแล้ว อาจารย์เอกราช ท่านได้มาพูดถึงเรื่องของฝนที่ตกนี้ว่า “ก่อนหน้านี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านทรงให้คณะทำงานเกี่ยวกับฝนเทียม รีบทำฝนเทียมเพื่อเป็นแนวกันลมพายุดีเปรสชั่นซึ่งตอนนั้นยังไม่เกิดขึ้น แต่พระองค์ทรงเหมือนกับเทวดาองค์หนึ่งที่ทราบเรื่องนี้ก่อนถามว่าตอนนั้นกรมอุตุรู้เรื่องนี้ไม” ไม่มีใครทราบว่าจะเกิดพายุที่ประเทศพม่าด้วยซ้ำ พอคณะทำงานด้านฝนเทียมทำงานเสร็จด้วยความสำเร็จ... ผลงานที่พระองค์ได้ทำก็ก่อให้เกิดผล การสร้างฝนเพื่อดักพายุ มีมานานแล้ว การกำจัดความชื้นก่อนที่พายุจะเข้าจะทำให้พายุหันทิศทาง ซึ่งเป็นพระปรีชาสามารถของพ่อหลวงโดยแท้ การที่พ่อหลวงจะรับรู้ได้ว่ามีพายุนั้นไม่แปลกเลยที่สำคัญ พระองค์ทรงมีหน่วยงานพยากรณ์อากาศที่มีประสิทธิภาพสูงมากเป็นหน่วยงาน ที่ทำฝนเทียมให้ประชาชนชาวไทยอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทั่วประเทศ โดยไม่ต้องโฆษณาเหมือนทรราชประชานิยม หน่วยงานที่ว่านี้มีเครื่องมือตรวจวัดสภาพอากาศที่ทันสมัยของภูมิภาคนี้ รู้ความชื้นสัมผัส ความเร็วลม ฯลฯ ทำงานมาหลายสิบปี ย่อมรู้แน่ว่าจะมีพายุรุนแรงระดับไหน ท่านจึงได้ป้องกันประเทศเราจากพายุไว้ก่อนได้ อย่างมิต้องสงสัยเลยเมื่อเกิดพายุอย่างที่พระองค์ตรัสไว้ที่พม่า และพายุนี้ก็ได้สร้างความเสียหายและสร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศพม่าจนทำให้เกิดความสูญเสียอันมหาศาลกับประเทศ ... แต่สำหรับประเทศไทย แนวกำแพงฝนเทียมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงสร้างไว้ก็ทำให้เกิดฝนตกเพียงเล็กน้อย ถ้าเทียบกับพายุที่จริงๆแล้วสามารถสร้างความเดือดร้อนกับประเทศได้มาก พระองค์ที่ต้องมาทรงงานอย่างหนักเพราะพระองค์ก็ทรงรักและเป็นห่วงลูกหลานของพระองค์ ลูก ๆ หลาน ๆ ที่อยู่ในประเทศนี้ ท่านทรงงานทุกอย่างเพื่อให้คนในประเทศได้สบาย เพื่อคนในประเทศได้อยู่ดีกินดีเหมือนเทวดาที่ไม่ว่าจะเสด็จพระราชดำเนินไปที่ไหนที่นั่นจะชุ่มฉ่ำ ที่ ๆพระองค์ เสด็จพระราชดำเนินไปจะพบแต่ความสงบสุข มีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร พอผมได้ทราบผมถึงกับอึ้งขนลูกซู่ กับ สิ่งที่พระองค์ได้ทำไว้ให้กับประเทศของเราถึงแม้นจะเป็นเรื่องที่ดีที่ทราบเรื่องนี้ แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้ผมสะเทือนใจกับสิ่งที่บ้านเมืองเป็นแบบนี้ วันที่ 2 ที่เข้าค่าย ครูฝึกได้เปิดวีซีดีเกี่ยวกับพระองค์ให้ดูผมก็ดูไปเรื่อยๆจนถึงตอนหนึ่งที่เค้าตัดเอาตอนที่พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนิน เพื่อไปส่งเหล่ากษัตริย์จากต่างประเทศ คณะทูตที่มาเข้าเฝ้าในงานฉลองศิริราชสมบัติครบ ๖๐พรรษา ภาพที่ทำให้ผมปวดจี๊ดขึ้นมาในหัวใจก็คือตอนที่พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินลงบันได(ขอโทษครับพอดีไม่ทราบว่าเขียนยังไง พระองค์เกือบหกล้ม ดีที่ทหารรักษาพระองค์ที่เดินนำหน้าคอยประคองพระองค์ไว้ พอพระองค์ทรงยืนได้ก็ปัดมืออกผมไม่ทราบว่าพระองค์ตรัสตรงนั้นทันทีไมหรือตรัสกับคนสนิทในภายหลังว่า “ไม่ต้องมาพยุงเรา เราจะเดินให้คนทั่วโลกได้เห็นว่า เราเดินได้ให้คนทั่วโลกได้เห็นว่าเราสามารถปกครองคน 64 ล้านคนด้วยตัวของเราเองได้” ถึงตอนนี้แล้ว ...น้ำตาผมคลอเบ้า คนที่ดูกันก็สะอื้นกันไปหลายคนทุกๆคนในที่นั้นเงียบหมดกับคำพูดที่พระองค์ได้ตรัสไว้ ผมได้ยินเสียงกระซิบจากเพื่อนข้างๆว่าสงสารพระองค์ที่ต้องมาทรงงานอย่างหนัก ถึงแม้นจะอายุเยอะแล้วแต่พระองค์ก็ยังทรงรักและเป็นห่วงลูกๆหลานของพระองค์ ลูกๆหลานๆที่อยู่ในประเทศนี้ ท่านทรงงานทุกอย่างเพื่อให้คนในประเทศได้สบาย เพื่อคนในประเทศได้อยู่ดีกินดี อาจารย์ได้บอกกับพวกเราเมื่อวีซีดจบว่า พระองค์เหมือนฝนที่ทำให้ประเทศร่มเย็นเหมือนเทวดาที่ไม่ว่าจะเสด็จพระราชดำเนินไปที่ไหนที่นั่นจะชุ่มฉ่ำที่ๆพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปจะพบแต่ความสงบสุข มีแต่เรื่องดีๆเกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร ท้ายสุดนี้ผมอยากจะบอกพระองค์หากแม้นมีใครผ่านมาอ่าน ถึงจะเป็นคำพูดที่อาจจะได้ยินมาบ่อยๆแต่ผมก็ไม่สามารถจะคัดกรองคำพูดใดๆมาพูดได้อีกนอกจาก “ขอพระองค์ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงประชา เป็นร่มโพธิ์ทองของเหล่าปวงชนชาวไทย ขอพระองค์ทรงพระเจริญตราบนานเท่านาน” ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ นายสมยศ ศุภกิจไพบูลย์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม khunyod E-mail: khunyod@hotmail.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ