สัมภาษณ์พิเศษ ฟ้อนฟ้า ผาธรรม กับผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิต ครูบ้านนอก บ้านหนองฮีใหญ่

ข่าวบันเทิง Wednesday December 16, 2009 14:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--สหมงคลฟิล์ม เคยผ่านผลงานอะไรมาแล้วบ้าง ผลงานชิ้นแรกเลยก็คือ ภาพยนตร์เรื่อง ข้างหลังภาพของอา เชิด ทรงศรี เล่นเป็นหลานคุณหญิงกีรติ ต่อมาก็มีมิวสิควีดีโอของ วงลาบานูน แล้วก็มีถ่ายโฆษณาของ Pizza Hut, Mobile Life, และก็ 1 2 Call ถ่ายนิตยสารวัยรุ่น อย่างหนังสือ Bug, Ice, Pop Teen แล้วก็พีธีกรรายการช่อง D Station รายการส่องกล้องสองฝั่งของค่ะ ช่วงส่องกล้องหาของแซ่บ มาร่วมงานเรื่องครูบ้านนอกได้อย่างไร คือคุณลุงเป็นผู้กำกับ คงได้เห็นความสามารถของป็อปมาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะป๊อปเองก็เคยผ่านผลงานแสดงมาบ้าง อย่างถ่าย MV แสดงภาพยนตร์โฆษณา พอคุณลุงจะทำหนังเรื่อง ครูบ้านนอก บ้านหนองฮีใหญ่ คงมองเห็นว่าเรามีบุคลิกตรงกับครูแสงดาว ก็เลยเรียกมาแคสติ้งดู ก็เลยได้มาแสดงหนังเรื่องครูบ้านนอกฯ ในบทครูแสงดาว ครูบ้านนอกเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร เป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยครู เขาชื่อว่าพิเชษฐ์ แล้วเป็นคนที่มีความตั้งใจที่จะมาสอนหนังสืออยู่ที่ชนบท เป็นคนที่มีจิตใจดี มีจิตวัญญาณของครูสูง ชอบช่วยเหลือเด็กนักเรียน ชาวบ้าน รักความถูกต้อง จนวันหนึ่งได้เข้าไปขัดแย้งกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ แต่ตัวครูพิเชษฐ์เองก็เป็นคนที่จิตใจเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ กล้าต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง ถึงแม้ว่าตัวเองจะต้องเดือดร้อนก็ตาม ในเรื่องนี้ฟ้อนฟ้ารับบทเป็นใคร ในเรื่องรับบทเป็นครูแสงดาว เป็นผู้หญิงที่มีความสุภาพอ่อนหวาน เรียบร้อย เฉลียวฉลาด คือเข้ามาสอนหนังสือที่หมู่บ้านหนองฮีใหญ่ เพื่อรอโอกาสที่จะเข้าไปบรรจุเป็นครูอยู่ที่ตัวเมือง แต่พอได้มาอยู่ที่หมู่บ้านก็ได้ซึมซับสิ่งดีๆ หลายอย่าง ทั้งจากครูพิเชษฐ์ ที่สอนให้ตัวเองรู้จักความหมายของคำว่าครูมากขึ้นหรือคนในหมู่บ้านที่มีน้ำใจ ซึ่งมันต่างจากคนในเมืองเป็นอย่างมาก บทบาทของครูแสงดาวต่างจากตัวตนของฟ้อนฟ้าอย่างไรบ้าง ตัวครูแสงดาว เป็นคนที่ค่อนข้างเรียบร้อยเป็นอย่างมากเลยนะ ตัวป๊อปเองอาจจะเรียบร้อยบ้าง แต่อาจจะไม่เท่าครูแสงดาว คือตัวป๊อปเองเป็นคนที่ค่อนข้างพูดเร็ว ตัวป๊อปเองก็ต้องมาปรับบุคลิก ต้องพูดให้ช้าลง มีความนิ่มนวลมากขึ้น การพูดเดิน หรือการวางไม้วางมือต้อง ดูให้มีมาดของคุณครู คนอื่นเห็นแล้วต้องเชื่อว่าเราเป็นคุณครูจริงๆ แต่สิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งระหว่างป๊อปและครูแสงดาวคือชอบช่วยเหลือคนอื่นเหมือนกันค่ะ กดดันไหมกับบทบาทนี้ เพราะเคยเป็นตัวละครที่โด่งดังมากในอดีต กดดันมาก เพราะเวอร์ชั่นที่แล้ว คุณวาสนา สิทธิเวช เล่นไว้ดีมากๆ เป็นเรื่องแรกเหมือนกันด้วย แต่เล่นได้เป็นธรรมชาติมากๆ คือเขาเล่นแล้วสามารถแจ้งเกิดได้ทันทีเลยแค่เรื่องแรก พอได้มาเล่นก็รู้สึกกดดันพอสมควร คืออยากให้คนดูเชื่อว่าเราเป็นคุณครูจริงๆ ด้วย ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ก่อนเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็มีไปเรียนการแสดงขั้นพื้นฐานมาบ้าง คือไปเจอเบอร์โทรศัพท์ของครูที่หนังสือไบโอสโคป ก็เลยติดต่อให้มาสอน ซึ่งครูก็จะสอนการแสดงเบื้องต้น การแสดงอารมณ์ทางสีหน้าแววตา การ improvise ซึ่งคุณครูเขาก็จะสอนเทคนิคต่างๆ เช่นบกว่าเราต้องเชื่อก่อนว่าเราคือคนๆ นั้นจริงๆ ต้องจำบทให้ได้ก่อนที่จะเล่น เพราะมันจะทำให้เราเล่นได้อย่างไม่ติดขัด ซึ่งมันก็เป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ แต่มันก็มีประโยชน์เยอะมากกับการแสดง แล้วในเรื่องก็ต้องร้องเพลงด้วย ก็ไปฝึกเรียนร้องเพลงกับครูอ้วน ก็เรียนพื้นฐานการร้องเพลง การเปิดคอการหายใจ การออกเสียงค่ะ ระหว่างร้องเพลง กับ การแสดง รู้สึกถนัดด้านไหนมากกว่ากัน รู้สึกว่ายากทั้ง 2 แหละ เพียงแต่ว่าจะยากคนละแบบ อย่างร้องเพลงก็ต้องฝึกการใช้เสียง การเปิดคอ การบังคับลมหายใจให้ได้จังหวะ แต่การแสดงมันก็ยาก ตรงที่เราต้องเชื่อว่าเราต้องเป็นคนๆ นั้นจริงๆ ตัวป๊อปเองอาจจะไม่เคยเล่นหนังมาก่อน แล้วพอมาเล่นเรื่องแรกแล้วมารับบทเป็นคุณครูด้วยมันก็รู้สึกยาก เราก็ต้องคิดอยู่เสมอว่าเราคือครูจริงๆ ไง เพื่อเวลาเราเล่นจะได้สมบทบาทมากที่สุด ซึ่งทั้ง 2 อย่างมันก็ต้องฝึกฝนและพัฒนาบ่อยๆ ร่วมงานกับผู้กำกับ สุรสีห์ ผาธรรมเป็นอย่างไรบ้าง ก็รู้สึกดีใจที่ได้ร่วมงานกับคุณอาสุรสีห์ ซึ่งถือว่าเป็นผู้กำกับที่เก่งและมีความเก๋าคนหนึ่ง เขาคอยให้คำแนะนำชี้แนะตลอด สอนการแสดงเป็นแอ็คติ้งโค้ช คือเป็นมากกว่าผู้กำกับ คือจะสอนการแสดงอยู่ตลอด ถ้าเล่นได้ไม่ถูกใจก็จะวิ่งมาบอกทันทีเลย ทั้งการแสดง การใช้สีหน้าแววตา ก็ถือว่าเป็นผู้กำกับคนเก่งคนหนึ่งเลยทีเดียว ได้เล่นหนังกับหม่ำ จ๊กมก ด้วย เล่าให้ฟังหน่อยเป็นอย่างไรบ้าง สำหรับพี่หม่ำก็รู้สึกดีใจ และตื่นเต้นมากที่ได้เล่นหนังกับพี่หม่ำ ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าถ้ามีโอกาสก็อยากเล่นหนังกับพี่หม่ำซักครั้ง แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีจริงๆ พอวันหนึ่งที่ได้ร่วมงานกัน ความรู้สึกมันก็สุดยอดมาก ไม่มีอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว แล้วก็ได้เรียนรู้เรื่องการแสดงหลายๆ อย่างจากพี่หม่ำ คือพี่หม่ำจะแนะนำว่า ให้พูดไปแบบธรรมชาติ เหมือนพูดปกติพูดกับเพื่อน พี่น้อง อย่างไปพูดเหมือนท่อง หรือว่าไปเกร็งอะไรมันมากมาย เพราะมันจะดูไม่เป็นธรรมชาติ เวลาเข้าฉากด้วยกันสนุกสนานเฮฮาขนาดไหน เข้าฉากกับพี่หม่ำฮามาก จะฮาทุกฉากทุกซีน ไม่มีฉากไหนที่เล่นด้วยกันแล้วไม่หลุดบทเลย เพราะพี่หม่ำเป็นคนที่สอดแทรกมุกอยู่ตลอด ต้องตั้งสมาธิดีๆ แต่ก็ช่วยไม่ค่อยได้เท่าไร เพราะจะหลุดขำตลอด เข้าฉากกับ หม่ำ ประทับใจฉากไหนมากที่สุด ก็ชอบทุกฉากนะ แต่ที่ประทับใจต้องเป็นฉากพระเอกหรือ ครูพิเชษฐ์ เขาปลุกระดมชาวบ้าน คือในเรื่องชาวบ้านเขาเข้าใจผิดนึกว่าในป่ามันมีผี เลยไม่กล้าเข้าไปเก็บของป่ากัน แต่มันเป็นแผนของพวกผู้มีอิทธิพลที่เขาวางเอาไว้ไม่ให้พวกชาวบ้านเข้าไปยุ่งในป่า แล้วครูพิเชษฐ์ ก็จะปลุกระดมชาวบ้านว่าในป่าไม่มีผีหรอก แต่เป็นพวกขบวนการผิดกฎหมายต่างหาก และให้ชาวบ้านลุกขึ้นปกป้องผืนป่า แล้วในเรื่องพี่หม่ำก็จะต้องขึ้นไปยืนบนม้านั่งพูดกับครูพิเชษฐ์ด้วย คือแค่พี่หม่ำทำหน้าตาจริงจังก็ฮาแล้ว แล้วในบทก็จะต้องคุยกับเอ็กซ์ตร้าที่เจอผีอ่ะ และ 3 เทคแกเรียกชื่อไม่ซ้ำกันเลยคือแกคิดได้เร็วมาก แล้วยังมีแซวพระเอกอีก ให้ก้าวดีๆ ระวังกางเกงเป้าแตก ก็ขำดีฮาดีกับฉากนี้ แล้วร่วมงานกับพิเชษฐ์เป็นอย่างไรบ้าง สำหรับ พิเชษฐ์ กองการ เขาเป็นคนที่มีความตั้งใจสูงมาก จริงจังและก็เป็นคนที่มีความพยายามสูง ถ้ามีเวลาว่างเขาจะท่องบทตลอดเวลา ถ้าตรงไหนที่เขาคิวว่ายาก เขาก็จะนั่งท่องอยู่นั้นแหละ และเป็นคนที่มีพัฒนาการทางการแสดงสูงมากๆ เอยู่ในกองก็จะชอบแกล้งกันตลอด อย่าง พิเชษฐ์ เองเขาจะพูดกลางไม่ค่อยชัด จากชื่อกลายเป็น ซื่อ แล้วเวลาพูดหน้าเขาจะนิ่งๆ ก็ฮาดี ในเรื่องมีฉากที่ต้องกินฮวกด้วย เคยกินมาก่อนไหม คือฮวกไม่เคยกินมาก่อนเคยกินแต่กบ ฮวกก็คือลูกอ๊อดนี่แหละ ไม่เคยกินมาก่อนด้วยนี้ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกัน ก็ต้องทำใจนิดนึง แต่กินไปนิดเดียวเองนะ ก่อนกินก็ต้องกลั้นหายใจนิดนึง ตอนกินจะไม่ได้กลิ่นแต่ก็รู้สึกว่ารสชาติมันเหมือนกบนี่แหละ ฮวกมันจะรู้สึกกรอบๆ ตรงขา และตัว เพราะตัวมันเล็กมาก มันจะเข้าไปหยึ๋ยๆ ในปาก ในเรื่องเล่นเป็นครู แล้วชีวิตจริงเคยมีความฝันอยากเป็นครูบ้านรึเปล่า ก็มีบ้างตอนเด็กๆ ชอบสอนหนังสือเพื่อน ชอบไปเขียนกระดานดำ เขียนชอล์คแล้วให้เพื่อนตอบ เพื่อนๆ ก็จะตอบก็รู้สึกสนุกดีค่ะ แล้วก็จะมีแบบชอบเลียนเสียงคุณครูบางคน ประมาณนี้ ตอนเด็กๆ นะ ก็ตามประสา แต่พอเล่นเรื่องนี้ในบทจะต้องสอนหนังสือเด็กนักเรียน ทีเขียนกระดานดำ ก็รู้สึกถึงตัวเองตอนเด็กๆ เหมือนกันนะ พอมองเห็นเด็กนักเรียนจริงๆ ก็รู้สึกขนลุกเหมือนกัน เหมือนแบบเราได้มาเป็นครูแล้วในหนัง ถึงไม่ได้เป็นตัวจริงก็เป็นในหนัง ก็โอเคค่ะ ก็ถือว่า..ได้ทำสิ่งที่อยากทำแล้วค่ะ เข้าฉากวันแรกตื่นเต้นไหม ก็ตื่นเต้นเหมือนกันนะ ทั้งทีมงาน ระดับมืออาชีพ และช่างกล้องก็แบบอันดับต้นๆ ของเมืองไทยเลยนะ คุณเล็ก พิพัฒน์ พยัคฆะ คือทุกคนก็มืออาชีพหมด แล้วเยอะมาก แล้วเราก็เพิ่งเป็นนางเอกครั้งแรกด้วย แล้วทุกคนก็จะมาจ้องอยู่ที่เราหมด มันก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา เล่าบรรยากาศในกองถ่ายครูบ้านนอกบ้านหนองฮีใหญ่ให้ฟังหน่อย ก็สนุกสนานครื้นเครงดี อยู่กันแบบครอบครัว ไม่ใช่ถ่ายเสร็จแล้วต่างคนต่างแยกย้าย ทุกคนจะต้องอยู่ด้วยกันก่อน ให้กำลังใจกัน ก็รู้สึกว่าผูกพันกันแบบพี่แบบน้อง แบบครอบครัวค่ะ คนดูจะได้อะไรจากการชมภาพยนตร์เรื่อง ครูบ้านนอก คนดูจะได้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ในชนบทของคนอีสาน เห็นการศึกษาในชนบท ความเป็นอยู่ของครู นักเรียน เขามีชีวิตความเป็นอยู่กันอย่างไร การเรียนการสอนเป็นอย่างไร และจะได้เห็นความกล้าหาญของคนๆหนึ่งที่กล้าต่อสู้เพื่อความถูกต้องของสังคม อุดมการณ์ของครู ละความสนุกสนานความน่าประทับใจจากหมู่บ้านหนองฮีใหญ่ ฝากผลงานภาพยนตร์เรื่อง ครูบ้านนอก บ้านหนองฮีใหญ่ ขอฝากภาพยนตร์เรื่อง ครูบ้านนอกบ้านหนองฮีใหญ่ ด้วยค่ะ เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ไทยดีๆเรื่องหนึ่ง อยากให้ทุกคนได้ติดตามนอกจาก หนังรักโรแมนติก หนังผี แล้ว ก็ยังมีหนังที่แปลกแหวกแนวแบบนี้อีกหนึ่งเรื่อง และมีความสนุกสนานครบรสค่ะ ไปติดตามกันเยอะๆ ค่ะ สุดท้ายอยากฝาก หรือให้กำลังใจกับคุณครูทุกท่านที่สอนหนังสืออยู่ตามชนบท หรือถิ่นทุรกันดาร ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณครูทุกท่านทีอยู่ในต่างจังหวัด ชนบท และก็คุณครูบนดอย ที่มีความเสียสละ อยากให้เด็กๆทุกคนได้มีความรู้ความสามารถ ขอเป็นกำลังใจให้คุณครูได้สู้ต่อไป และก็ขอขอบคุณที่ทำเพื่อส่วนรวมมาโดยตลอดค่ะ ขอบคุณค่ะ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ