บทสัมภาษณ์ "หม่ำ จ๊กมก จากครูบ้านนอก:บ้านหนองฮีใหญ่"

ข่าวบันเทิง Wednesday January 6, 2010 15:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 ม.ค.--สหมงคลฟิล์ม ทัศนะความคิดและความรู้สึกจาก ตลกซูเปอร์สตาร์หม่ำ จ๊กมก” ที่มีต่อ “ครูบ้านนอก” จากผลงานระดับมาสเตอร์พีซตลอด30ปีของ “สุรสีห์ ผาธรรม” พร้อมการทุ่มสุดตัวในบท “ครูใหญ่ชาลี” ที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างชื่อให้กับ “นพดล พวงพร” พร้อมกลับฟื้นมีชีวิตอีกครั้งอย่างเต็มสีสัน กับอีกหนึ่งบทบาททางการแสดงที่คนดูต้องจดจำ Q.พูดถึง “ครูบ้านนอก” ย้อนกลับไปเมื่อ30ปีที่แล้ว พูดได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่โด่งดัง และประสบความสำเร็จมากๆในสมัยนั้น เป็นที่ประทับใจของคนหลายๆคน ทำให้ชื่อของผกก.อย่าง สุรสีห์ ผาธรรม และนักแสดงหน้าใหม่ในสมัยนั้นอย่าง ปิยะ ตระกูลราษฎร์ และวาสนา สิทธิเวช แจ้งเกิด พี่หม่ำในฐานะที่เป็นคนดูรู้สึกอย่างไรกับภาพยนตร์เรื่องนี้ M. ถ้าจะให้พูดถึงหนังเรื่องครูบ้านนอกในยุคนั้นนะครับ ถือว่าเป็นหนังที่สุดยอดมาก เป็นหนังที่ทำเงินมาก และก็คุณอาจารย์ สุรสีห์ ผาธรรม เนี่ยะ ถือว่าเป็นผู้กำกับคนอีสานที่แบบสุดยอดในยุคนั้นนะ ผมก็ทันนะแต่ผมยังเด็กอยู่ ผมอายุประมาณสัก 10 กว่าขวบได้ผมอยู่ ป .5 ได้มั้ง ป.4 ป.5 นี่แหละ สัก 11-12 ขวบ ไม่น่าจะเกินนี้แหละ ในยุคนั้น 2519-20 นี่แหละ ถ้าผมจำไม่ผิดนะ ซึ่งก็เป็นหนังที่ดังมาก เป็นหนังที่ถล่มทลายเหมือนกัน แล้วก็เป็นเรื่องราวของ ครูที่มีอุดมการณ์กับเด็กๆ เป็นครูจริงๆ เป็นครูที่อยากจะให้เด็กๆมีความเฉลียวฉลาดให้เป็นที่ยอมรับกับการศึกษาในยุคนั้น และผมยังเด็กมาก แต่พอได้มาทำใหม่ อาจารย์สุรสีห์ ผาธรรมได้โทรไปติดต่อไปบอกว่า เอ๊ะ เล่นเรื่องนี้ แล้วก็มานั่งนึกดู เรื่องนี้ยุคนั้น คืออาจารย์นพดล ดวงพร เคยเล่นเอาไว้ เป็นครูใหญ่นะ ในยุคนั้น เป็นยุคที่อาจารย์นพดล เขาถือว่า สุด สุดเหมือนกัน ก็คือดังโคตรๆเหมือนกันในยุคนั้น พออาจารย์สุรสีห์ ติดต่อมาก็เลยถามว่า แล้วมันจะเป็นแนวเดิมมั้ย เพราะยุคมันเปลี่ยนไป ก็ถามถึงเรื่องลุคส์ของภาพยนตร์ ในเรื่องของคาแรกเตอร์ ก็มานั่งคุยมานั่งปรับบทกันมาเรื่อยๆ แล้วก็โอเค พอร่วมงานแล้วก็รู้สึกแบบดีใจ อาจารย์สุรสีห์ รู้สึกว่าจะปรับตัวได้เร็วมาก ทั้งๆที่เรื้อจากภาพยนตร์ไปนานมากๆนะ ก็หลายปีที่ผ่านมานะ แต่พอมาร่วมงานกับท่านได้สัก 2-3 คิว ก็รู้สึกได้ว่า ท่านทำการบ้านมาดีมาก Q.พูดถึงความน่าสนใจ พี่หม่ำคิดว่าเสน่ห์ของหนังอย่างครูบ้านนอกอยู่ที่ตรงไหน อย่างไร M.คือเสน่ห์ในยุคนั้น มันเป็นแบบ คือไม่มีใครมากล้าทำหนัง ที่ดูเป็นเรื่องเกี่ยวกับครูๆ อย่างนี้ถือว่าเสี่ยงมาก ซึ่งในยุคนั้นมันน่าจะเป็นหนังแบบ วัยรุ่น กุ๊กกิ๊ก เหมือนอาเปี๊ยก โปสเตอร์ อย่างพี่อี๊ด ศุภักษร(รักทะเล้น) ในยุคนั้นนะ แต่ว่าพี่อาจารย์สุรสีห์เขากล้า ที่จะทำแบบในสิ่งที่นำเสนอเรื่องความกันดาร ชีวิตของครู ความทุ่มเทเสียสละ การศึกษาของเด็กๆ ซึ่งถือว่าเสี่ยงในยุคนั้น แล้วพระเอกใหม่ นางเอกใหม่ด้วย ยิ่งไปกันใหญ่เลย พี่ปิยะใช่มั้ยที่เล่นเอาไว้ และก็นางเอกรู้สึกว่าจะเป็นพี่วาสนา รึเปล่า วาสนา สิทธิเวช นะถ้าจำไม่ผิดนะ ใช่ๆ และก็เป็นเรื่องที่ว่าแปลกนะ เวลาอะไรมันโดนเนี่ยะ มันจะโดน เหมือนแหยม 1 เห็นมั้ย ก็เป็นหนังที่แบบไม่มีใครกล้าเหมือนกันนะ ที่จะไปทำหนังสีแบบนั้น แล้วพูดภาษาอีสานน่ะ ซึ่งอาจารย์สุรสีห์เป็นคนภูธร แกเลยอยากจะนำเสนออะไรที่มัน ภูธรน่ะ ทีนี้มันโดนๆ เข้าเต็มๆ เลยทีนี้ เพราะว่าคนกรุงเทพฯบางคนเขาไม่รู้นะว่า คนภูธรเป็นยังไง คนชนบทเขาทำกันยังไง เขาไม่รู้หรอกว่า วิถีชาวบ้านเขาทำกันยังไง ไปตักน้ำในบ่อกิน เพราะประปามันก็ไม่ถึง ในยุคนั้นนะ ไปขุดแย้ ไปเอาบ่วงไปคล้องกิ้งก่ามาก้อยกิน ไปตีผึ้งแล้วก็บีบผึ้งแล้วก็เอารังผึ้งมาปิ้งมาแกง ซึ่งใครจะไปรู้ใช่มั้ย ใครจะมาตัวอ่อนมาลาบ มาก้อยอย่างงี้ เคยกินกันที่ไหน Q.แล้วพอมาถึงเวอร์ชั่นปี2553 ที่มีการนำกลับมาทำใหม่ M. พอมาทำใหม่ก็ต้องบอกอาจารย์สุรสีห์ก่อนว่า คือมันต้องเป็นสไตล์ของหม่ำด้วยแหละ หมายถึงในคาแรคเตอร์ของครูใหญ่นะ ครูแบบสันหลังยาว ขี้บ่น ชีวิตไม่เอาอะไรแล้ว ขอตายกับการที่เป็นครูใหญ่แล้ว แต่มันก็มีเรื่องราวที่ต้องเกิดขึ้น คือ พอมีครูใหม่มา คอยมาชี้แนะครูใหญ่ว่า มาสอนเด็กแบบนี้ด้วยวิธีเก่าๆ น่ะ มันไม่ได้แล้วนะ เป็นวิธีใหม่ เอ้อ ทีนี้ ก็เด็กรุ่นหลังเขาไปแรงกว่าเรา มันก็จะมีอะไรมาสอนแบบกระแนะกระแหนเราด้วยไง สอนแบบ สอนเด็กให้พูดแบบ ประชดประชัน ครูแก่ๆ คนหนึ่ง ที่ไม่เอาใจใส่กับการเรียนของเด็กๆอย่างเราก็เริ่มรู้สึกผิดนะ เพราะเราเป็นคนที่นำพาให้เด็กไปสู่อนาคตในวันข้างหน้า ถ้าเด็กไม่ได้รับรู้สิ่งดีๆกับครูที่มาสอนน่ะ แล้วเด็กจะฉลาดได้ไง เราก็รู้สึกได้เพราะเราผิด เรื่องมันก็จะค่อยสนุกไปทีละหน่อย ที่ละหน่อย Q.เห็นบอกว่า เวอร์ชั่นใหม่เป็นการผสมผสานระหว่างวิถีเก่าก็คือแนวคิด หรือว่าแก่นของเรื่องกับวิธีการใหม่ๆ M. แก่นของเรื่อง อาจจะมีบ้าง ผสมผสานกับวิถีแนวใหม่อยู่ ซึ่งอาจารย์สุรสีห์เป็นคนฉลาด ที่เอาใหม่ๆมารวมกับเก่าๆเนี่ยะ ซึ่งให้มันกลมกลืนกัน ให้มันผสมผสานกัน ให้มันมิกซ์กัน ผสมผสานแบบชัดเจนน่ะ Q. มาพูดถึงคาแรกเตอร์กันบ้างกับบทครูใหญ่ที่ว่ากันว่าเป็นบทที่มีสีสันมากๆเราจะได้เห็น เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือพี่หม่ำในบทครูใหญ่ ออกมาเป็นอย่างไรบ้าง M.ในเรื่องเนี่ยะเป็นคนติดการพนันด้วยนะ เป็นคนเล่นโบกอ่ะ ถ้าคนรุ่นใหม่ยังไม่รู้จักคำว่า โบกนั้นคืออะไร โบกก็คือ คู่คี่ โดยเอาเม็ดมะขามมาผ่าซีกเป็นสองซีกได้เป็นสี่อัน เอาเม็ดมะขามสองอันมาผ่าซีก ถ้าขาวสองดำสองก็เป็นคู่ ถ้าขาวสามดำหนึ่งก็เป็นคี่ เล่นคู่คี่ เป็นคนติดโบก เขาเรียกว่าเล่นตบโบก แล้วเป็นคนชอบเอาตังค์ เวลาเงินเดือนออกก็ยักยอกเงินเมียเอาไปเล่นโบก เมียก็คอยบอกอยู่เรื่อยแหละว่า อย่าไปเล่นเลย เราเป็นครูใหญ่ ทำให้มันสมหน้าสมตามีศักดิ์มีศรีหน่อย ชาวบ้านเขาจะมองไม่ดี แต่เมียไม่เท่าไหร่ เราไม่ค่อยเชื่ออยู่แล้ว พอมาเชื่อก็มาเชื่อพวกคุณครูนี่แหละ ที่มาคอยบอกคอยสอนว่า อาจารย์อย่าทำอย่างงี้ ครูใหญ่มาทำอย่างงี้ไม่ได้นะ เขามาคอยบอกก็เลยเริ่มรู้สึกได้ว่า ไม่ดีกับเด็กนักเรียน เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ก็คุณครูกินเหล้าเมายาแล้วไปสอนเด็กได้ไง แล้วไปเล่นการพนัน มันก็ไม่ถูกต้อง แต่จริงๆแล้วตอนหนุ่ม ๆครูใหญ่ก็เคยเป็นหนุ่มไฟแรง เคยเป็นครูใหม่ๆเหมือนกัน ก็อยากจะทำเหมือนครูพิเชษฐ์ แต่พอมาเจออะไรหลายๆอย่างเข้า ทีนี้มันก็ท้อ ทำให้ไม่มีกำลังใจสู้ เพราะไม่มีใครมาเป็นคู่หู เป็นบัดดี้ เป็นพาร์ทเนอร์ที่เราพอได้คุย ได้อะไร เพราะเป็นครูคนเดียว สอนตั้งแต่ ป.1 ถึง ป.4 อยู่คนเดียวมาทั้งชีวิต ก็รู้สึกแบบทำให้มันเสร็จๆแล้วๆไป สอนแล้วๆไปให้มันจบหลักสูตร จบ ป.4 อ่ะแค่นั้น แต่พอครูคนใหม่มา ก็คือหลานเราด้วย หลานแสงดาว ที่มันเป็นนางเอกเนี่ยะ ก็มาคอยบอกคอยสอนว่าคุณอา อย่างนี้มันไม่ใช่ เป็นคุณครูรุ่นใหม่ไง Q. เหมือนกับตัวหนังตั้งใจ แฝงแง่คิด สะท้อนถึงวิถีชีวิตของการเป็นครูในชนบทออกมา M.จะสะท้อนถึงวิถีชีวิตของครูที่อยู่ในชนบท เพราะคุณครูจริงๆในชนบทเนี่ยะ คุณครูในภูธรเนี่ยะเป็นคนที่น่าสงสารมากนะ เงินเดือนก็น้อย แล้วอุปกรณ์การเรียนการสอนก็ไม่ค่อยจะมีนะ บางโรงเรียน มาถึงทุกวันนี้ก็ยังขาดแคลนอยู่เหมือนกันนะ ผมว่ากระทรวงศึกษาธิการต้องเอาใจใส่กับเรื่องเรียนด้วยนะ เพราะว่าทำไมเด็กถึงไปเข้าโรงเรียนเอกชน รัฐมีเงินเยอะแยะ ทำไมไม่ทำให้เท่าเอกชนล่ะ ใช่ไหม เพราะถ้าทำได้อย่างนี้เด็กก็จะมีความรู้เท่ากัน ต่อให้คุณลูกท่าน ลูกเจ้าใหญ่ นายโตขนาดไหน มันก็เหมือนกัน ลูกข้าราชการระดับสูง ก็เรียนที่เดียวกัน มันก็เก่งเท่ากันน่ะ ผมว่าสิ่งเหล่านี้ เด็กจะฉลาดได้ไง ใช่ไหม เหมือนบ้านเราทุกวันนี้ บ้านนอกเดี๋ยวนี้ยังไม่มีคอมพิวเตอร์เลย น้ำยังเป็นน้ำบาดาลอยู่เลย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ผมว่าเงินรัฐ เยอะแยะ บางทีก็เจียดมาให้เด็กๆมันมีความรู้ในวันข้างหน้าบ้าง อย่าว่าแต่เจียดเงินมาให้เพื่อการศึกษาจังหวัดละล้านเลย มันน่าจะเยอะกว่านั้น ได้เยอะกว่านั้น ถ้าเราจะทำได้เยอะกว่านั้นอยู่แล้ว แต่ไม่ทำกันเองแหละ เงินเยอะแยะ เจียดมาได้ จะเจียดรึป่าว แค่นั้นแหละ อย่างในหนังก็จะมีให้เห็นเลยนะ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าสงสารมากอย่างเสื้อผ้าเด็ก ใส่ 7 วันกว่าจะได้ซักนะ เพราะมีชุดเดียว อันนี้เรื่องจริงนะ บางโรงเรียนยังมีอยู่นะ ซึ่งพ่อแม่เขาก็หาเช้ากินค่ำ เป็นกรรมกรชาวไร่ชาวนา ฝนตกก็เดี้ยงแล้ว ใช่มะ พายุเข้าก็ บรรลัยแล้ว จะเอาอะไรล่ะ มีอะไรเป็นหลักประกันให้กับคุณพ่อคุณแม่เขา ซึ่งทุกวันนี้มันยังมีอยู่นะ ระบบนี้มันยังมีอยู่ พอขาดรายได้ไปแล้วมันก็..จะพูดยังไงดีล่ะ มันก็..ผมว่ามันไม่ทั่วถึง คนได้เรียนดีก็ดี ถ้าจนก็ไม่ได้เรียนเลย จนแบบ เด็ก บางครั้งก็คิดว่าเรียนไปเพื่ออะไร เรียนไปแล้วก็ไปทำนาช่วยพ่อ ช่วยแม่ แบบนี้ไม่ต้องเรียนดีกว่า เรียนไปก็ทำนาเหมือนเดิม เรียนตั้งแต่เด็กก็ทำนาเหมือนเดิม ไม่ได้เรียนก็ทำนาเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นถึงบอกว่า ต้องมีแรงจูงใจและการผลักดันที่ดี เด็กๆถึงอยากจะเรียน Q. ในครูบ้านนอกเวอร์ชั่นพ.ศ.2553 จะมีเสน่ห์สีสันที่สนุกสนานขึ้น ไม่ได้ดูยากต้องปีนบันได้ดูอะไรขนาดนั้น M. คือ หนังนี้มันเป็นหนังดูง่ายๆ ดูบ้านๆ แบบ สบายๆ วิถีชาวบ้าน ดูง่ายๆ ครูบ้านนอกคนหนึ่ง ครูบ้านนอกทั้งหมดที่มาอยู่ทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าต้องลำบากก็ต้องมา เพราะเป็นอุดมการณ์ คนเป็นครูน่ะ จิตใจที่เป็นครูจริงๆที่ตั้งใจจะมาเป็นครู หาน้อยนะ ซึ่งผมว่าสิ่งเหล่านี้ คนที่ตั้งใจที่จะเป็นครู โดยคนที่เล่นเป็นครูพิเชษฐ์ครูสมชาติ ครูแสงดาวในเรื่องนี้ เขาตั้งใจที่จะมาเป็นครูกันจริงๆ อยากจะให้เด็กมีความรู้มีการศึกษาจริงๆ ผมว่านี่เป็นสิ่งที่ดีแล้วก็ เนื้อหาของเรื่อง มันจะสนุกตรงที่ครูใหญ่ ไม่เอาอะไรนี่แหละ ครูใหญ่เป็น..จะว่าเป็นตัวตลกก็ไม่ใช่นะ จะว่าเป็นตัวขี้บ่นก็ไม่ใช่นะ ผมว่า มันเป็นตัวที่ทำให้เรื่องมันสนุกขึ้นนะ ครูชาลี สีหอ น่ะ เล่นโดยผมเนี่ย ครูใหญ่ชาลี สีหอเนี่ย เป็นตัวละครที่คนดูพร้อมที่จะรักด้วย..บางทีก็หมั่นไส้นิดๆ กับความที่เป็นตัวละครแบบที่ว่าคิดว่าตัวเองเป็นครูใหญ่และเป็นผู้นำของครอบครัว ซึ่งมันไม่ใช่ไง กับสิ่งที่ปฏิบัติ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังห่วงเด็กนักเรียน ใจน่ะ ห่วงทุกอย่างนั่นแหละ แต่เท่าที่ห่วงได้แล้วมันเป็นไปไม่ได้ไงพอห่วงแล้วมันเป็นไปไม่ได้ อยากจะได้แทงค์น้ำสักอันหนึ่งยังเป็นไปได้ยากเลย คือไม่รู้จะไปขอใคร แค่แทงค์น้ำจะมารองน้ำฝนเนี่ยะ ก็เหมือนอยากได้เสื้อผ้า ก็ไม่รู้จักใครเลยกับผู้หลักผู้ใหญ่ในตัวจังหวัด แล้วเราก็เป็นคนขี้เกรงใจคน ไม่กล้าไปขอ เลยต้องฝากให้เพื่อนช่วยไปติดต่อเจ้านายให้ขอชุดให้นักเรียนหน่อย คือสงสารเด็กนักเรียน เสื้อผ้ามันขาดก้น ขาดตูดหมดแล้ว เด็กผู้หญิงก็ ป.4 จะเป็นสาวกันอยู่แล้ว บางทีเสื้อก็ขาดหน้าอกบ้าง อะไรบ้าง จริงๆ มีจิตใจโอบอ้อม เป็นห่วง Q. นอกจากพี่หม่ำแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าปรมาจารย์ผู้กำกับคิวบู๊อย่างพี่พันนา ฤทธิไกร เองรวมไปถึงเสี่ยเจียง สหมงคลฟิล์ม และพี่ปรัชญา ที่มีส่วนสำคัญช่วยกันผลักดันชุบชีวิตให้เกิดเป็นภาพยนตร์เรื่องครูบ้านนอกในเวอร์ชั่นใหม่นี้ M. ครับ… คือทั้งหมดเนี่ย เคยร่วมงานกัน เคยทำให้หนังแอ็คชั่นที่เมื่อก่อนไม่มีคนดู เพราะส่วนใหญ่เป็นหนังสายแล้วสุดท้ายฉายโรงชั้น1 จนกลายเป็นที่นิยมของคนไทย และคนทั้งโลกจากองค์บาก แต่สำหรับครูบ้านนอก ผมเชื่อว่าเสี่ยเจียงเอง พี่พันนา พี่ปรัชญา รวมทั้งอาจารย์สุรสีห์มองและเชื่อกันว่าหนังแบบนี้ผมว่าเสน่ห์ของการที่ได้เล่นนะ ผมว่า 1. อย่างบรรยากาศห้องเรียน โรงเรียน โต๊ะเก้าอี้ นึกถึงสมัยตอนป็นเด็กๆมากเลยนะ ซึ่งสมัยก่อนผมก็เรียนอย่างนี้แหล่ะ แบบนี้แหล่ะ เกือบ 40 ปีที่แล้ว 38-39 ปีที่แล้วก็แบบนี้ ซึ่งพอเห็นแล้วมันนึกถึงครูประจำชั้นเราด้วย พอเข้ามาวันแรกเห็น นึกถึงครูประจำชั้นเราเลย ครูหอม ครูวอน ครูพต เศรฐนันท์ ครูพิทักษ์ ครูคำเหลา ครูเหล่านี้ ถือว่าเป็นสุดยอดของครู ถ้าไม่ได้ครูอย่างนี้ในวันนั้นนะ คอยขัดเกลาจิตใจอย่างนี้ รู้สึกแบบคิดถึงคุณครูนะ แล้วพูดได้ว่าครูประถมมีบทบาทสำคัญกับการเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคมเลยนะ เพราะครูประถมนี่แหล่ะครูเริ่มต้นเลย เพราะเมื่อก่อนไม่มีอนุบาล นี่คือแบบหัวใจของการเรียนเลย ครูประถมปีที่1นะ นี่คือหัวใจเลย เมื่อก่อนได้เรียนไม่มีอนุบาล เข้าถึงก็ ป.1 เลย อายุ 7 ขวบก็เข้า ป.1 เลย ซึ่งมันรู้สึกสนุก คิดถึงบรรยากาศเก่าๆไง พอได้เข้าซีนแรกก็รู้สึกแบบ นึกถึงตอนเป็นเด็กว่ะ สอนที่ แบบ เด็ก เจี๊ยวจ๊าวกันหมด ชีวิตจริงก็ใช่เวลามาถ่าย มีแต่เล่นกันนะ มันก็สนุก Q.พอพูดถึงเรื่องราวของหนังแล้วมีฉากไหนที่พี่หม่ำรู้สึกประทับใจบ้างไหมกับครูบ้านนอกเวอร์ชั่นนี้ M.คงเป็นฉากแก้ผ้าด้วยความเข้าใจผิดกันน่ะ เด็กๆมันเข้าใจผิดว่าวันนี้เราจะได้เสื้อผ้าใหม่กันแล้วนะ ทางจังหวัดทางหัวหน้าส่วนการศึกษาเขาจะเอาเสื้อผ้ามาให้ ดีใจกันใหญ่เลย เสื้อผ้าชุดเก่าๆไม่ใส่กันแล้ว ถอดทิ้งกันหมดเลย เราก็ไม่รู้ไปเอาเสื้อผ้ามา เด็กก็ถอดเสื้อผ้าทิ้งกันหมดเลย มายืนเข้าแถวหน้าเสาธง คือถอดหมดแล้ว เด็กเกือบ80คน คือ รอใส่เสื้ออย่างเดียว จริงๆแล้วเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้มันมีทุกซีนน่ะ ซึ่งอาจจะกระเทาะกระทรวงการศึกษาก็ได้ ถ้าเขารู้สึกได้นะ เด็กไทยจะฉลาดได้ไง ถ้าการศึกษาไม่ดีใช้ไหม ถ้าถามว่ามีประเด็นอะไรที่ตัวหนังอยากจะบอกจะสื่อสารออกไปก็น่าจะเป็น เรื่องการอยู่การกินของเด็กๆนี่แหล่ะ ตัวหนังมันย้อนหลังไปปี 2520 น่ะ อย่างในเรื่องก็จะมีครอบครัวหนึ่งที่เป็น 2 พี่น้อง ก็คือคนพี่ชื่อคงเดช สองคนจะสลับมาโรงเรียนกันคนละวัน เพราะมีชุดนักเรียนอยู่ชุดเดียว นี่คือน่าเห็นใจ น่าสงสาร ไอ้เราก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ใช่ไหม คือ..ตัวเราเองจะเอาเงินไปซื้อให้มัน เราก็ยังจะไม่มีเลย เสื้อผ้าเราก็ยังใส่ชุดเดียวเหมือนกันมันนี่แหละ แต่เพียงว่ามันไม่ขาด แค่นั้นเอง Q. ตัวหนังมีอารมณ์ที่ค่อนข้างหลากหลายเหมือนกัน M. มีๆ..อารมณ์ซึ้งก็คงจะเป็น ครูแสงดาว กับครูพิเชษฐ์ กับครูสมชาติ เป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งคนรักกัน หรือแม้แต่ฉากไคล์แม็กซ์ที่ใครเคยดูเวอร์ชั่นเก่า ที่คุณปิยะเล่นน่าจะจำได้ติดตาที่เป็นฉากที่กระชากอารมณ์ แล้วมีเด็กอยู่คนหนึ่งเล่นดีมาก มันร้องไห้ดีมากเลย อายุประมาณสัก 9-10 ขวบ เออ เด็กเขาเข้าใจอารมณ์ที่มีครูจะโดนยิง แล้วเด็กมันก็ร้องไห้ เราก็จะร้องตามไปด้วย แต่พอดีกลัวว่าคนจะหัวเราะนะซิ เราร้องไห้ตาม เดี๋ยวกลัวคนจะหัวเราะเรา เราก็จะซึมๆ ก็พยายามกลั้นไม่มองใคร เราก็มองครูพิเชษฐ์ที่โดนยิง ก็เป็นฉากซึ้งๆ อีกซีนหนึ่ง แต่อย่างว่าการทำงานกับเด็ก บางทีก็เหมือนจับปูใส่กระด้งแล้วเด็กพวกนี้ใหม่หมดเลยซึ่งรวมทั้งพระเอกกับนางเอกด้วย ก็เป็นคนที่น่ารัก นางเอกก็น่ารักดี บ้องแบ๊วดี หน้าก็ภูธร ภูธร ยิ่งพระเอก คุณพิเชษฐ์นี่ หน้าเขาก็จะออกบ้านๆหน่อย คล้ำๆ คมเข้ม ใช่..พูดไทยก็ไม่ค่อยชัดด้วย ฮานะ มาถ่ายซีนหนึ่ง ผมก็ไม่กล้าหัวเราะนะ กลัวมันอายไง หลายเทคมากเลย อย่างไดอะลอค คือบอกว่า คุณครู ช่วยเอาเงินเดือนเข้าบัญชีออมทรัพย์ให้ผมด้วยนะ ไดอะลอค คือแค่นี้ไง แต่เบื้องหลังอาจจะมี อันนี้ ฮา คุณครูครับช่วยเอาเงินเดียนเข้าออมทรัพย์ให้ผมด้วยนะครับ (หัวเราะ) คัท ..เอาใหม่ ประมาณสักหลายเทคอ่ะ คุณครูครับช่วยเอาเงินเดียน..มันก็ยังเงินเดียน อยู่นั่นแหละ ก็เลยแบบหัวเราะมัน Q. ผกก.คุณสุรสีห์ ผาธรรมเล่าให้ฟังว่าครูบ้านนอกเวอร์ชั่นนี้พยายามสอดแทรกเรื่องราวที่เป็นวิถีวัฒนธรรมของอีสานในภาพยนตร์ด้วย M. ครับอย่างงานกรรม ก็เป็นงานคลอดลูกซึ่งแถวบ้านเขาเรียกว่างานกรรม ก็คือจะมีไปเยี่ยมคนที่คลอดลูก เหมือนไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลนั่นแหละ สมัยก่อนไม่มี สมัยภูธรเขาไม่เข้าโรงพยาบาลกัน แล้วก็พอคลอดลูกแล้วก็นอนไฟแล้วย่างไฟให้มดลูกเข้าอู่แล้วก็ไปนั่งเป็นเพื่อนเขาเรียกว่านั่งเป็นเพื่อน คนที่นั่งดริ้งเหล้าก็ดริ้งไป สมัยก่อน เหล้าขาวใชมั้ย คนที่เล่นไพ่ก็เล่น ไปเล่นโบกก็เล่นไปไง พวกที่นั่งคุย ตีกลอง ใต้ถุนบ้านก็ว่าไป เพื่อเป็นเพื่อน นะเขาถือ เขาให้เฝ้าจนถึงสว่างนะ กลัวปอบจะมากินลูกกินรกเขา อันนี้เขาป็นตำนานเล่ามา ก็เลยต้องเฝ้าให้ถึงสว่างอะไรพวกนี้ Q.ซึ่งสมัยก่อนพี่หม่ำก็ทัน และเคยมีประสบการณ์นี้ M. ผมจำได้ ตอนผมเป็นเด็ก ใช่..ผมก็ยังทันโบกอยู่ ยังทำโบก เล่นโบกผมก็ยังทันอยู่ แต่เด็กรุ่นใหม่ในภาคอีสานจะไม่รู้ละ เพราะว่าการพนันมันพัฒนาขึ้นเยอะเลย Q. ตัวแก่นหรือหัวใจของครูบ้านนอกไม่ได้โดนใจเฉพาะแค่คนต่างจังหวัด หรือคนเป็นครูเท่านั้น แต่สาขาอาชีพทุกคนที่ได้ดูล้วนประทับใจกับตัวหนัง ทั้งสิ้น M.ครับ ไม่ใช่แค่คนดูหนัง พ่อค้า คหบดี รัฐมนตรี ครู ด็อกเตอร์ คือล้วนผ่านประสบการณ์หนังอย่างครูบ้านนอกมาทั้งหมด ไม่ได้จับใครแค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คือหนังมันกระแทกใจ หนังมัน..เขาเรียกว่าหนังนี้ใครดูก็ได้ ดูแล้วเข้าใจง่ายด้วย ไม่ต้องมีอะไรมาสลับซับซ้อน เป็นเรื่องของครูที่ต่อต้านกับพวกมีอิทธิพลที่ทำให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อน อย่างนี้ ไปฮุบที่ของเขาโดยที่ทางการไม่สนใจอย่างนี้ ซึ่งเมื่อก่อนมันเป็นนะ อย่างที่ของเราอย่างนี้ ถูกไหม แล้วเหตุผลไม่มี ทางการก็ไม่สนใจ อย่าว่าแต่ยุคนั้นเลย ยายไฮเองก็เหมือนกัน เห็นมั้ยนะ ยายไฮอุบลนะ และแกก็ต่อสู้ของแกมาเห็นมั้ย ที่ของแกอ่ะ ถูกไหมล่ะ มันก็เหมือนกันแหละ..มี Q. อยากให้พี่หม่ำเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวของครูบ้านนอกเวอร์ชั่นนี้ให้ฟัง M. ก็คงเป็นเรื่องราวสนุกสนานในหมู่บ้านหนองฮีใหญ่นี่แหละครับ ซึ่งโรงเรียนบ้านนี้ก็ค่อนข้างที่จะกันดารแล้วก็เรื่องราวสนุกสนานเกี่ยวกับชีวิตของครู การที่ต้องมาเป็นครูบ้านนอก วิถีชาวบ้าน ชีวิตของนักเรียน หลายๆอย่างที่มารวมกัน ชีวิตของครูใหญ่ เป็นเรื่องราวที่สนุกสนาน สีสันของเรื่องนี้มันเป็นเรื่องจริงที่สะท้อนและเกิดขึ้นในยุคนั้นนะ แล้วภาพทุกอย่างที่สื่อออกมาผมว่าคนดูเขาดูเข้าใจเลยละ อย่างแค่ฉากเปิดเรื่อง ให้เห็นว่าการที่ครูจะเดินทางมาเป็นครูในหมู่บ้านหนึ่งนะ ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ เป็นเรื่องยากนะ เพราะชาวบ้านเดือนหนึ่งเขาออกจากหมู่บ้านทีหนึ่งเพื่อที่จะออกไปซื้อของ แสดงว่าถนนแย่มาก ซึ่งในยุคนั้นผมว่ามันเป็นยุคที่แบบมันแล้งจริงๆ กันดารจริงๆ สีสันมันก็เลยจะอยู่กับเรื่องของพวกนี้ ผมว่าใครได้ดูเรื่องนี้แล้วจะเข้าใจในวิถีชาวบ้านในยุคนั้น และก็จะยิ้ม เออในยุคนั้นก็คงจะลำบากนะ ไปไหนมาไหนคงจะไม่เหมือนในสมัยนี้นะ นั่งรถที หัวแดงกันที บ้านนอกใครมีรถเก๋ง ก็เหมือนยานอวกาศ ใช่ไหมล่ะ สมัยนั้นนะ ถ้าใครมีรถเก๋งเข้าไปในหมู่บ้าน ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ไม่ใช่แล้วแหละ มันก็เจริญทุกที่แล้ว แต่ก็มีบางที่ที่มันยังไม่เจริญก็มี สีสันเรื่องมันก็คงเป็นวิถีชาวบ้าน เป็นเรื่องของชีวตจริงที่สะท้อนสังคมให้เห็นชีวิตของครู วิถีชาวบ้านของคนในหมู่บ้านที่เขาทำมาหากินยังไง วิถีชีวิตของครูบ้านนอกเป็นยังไง เป็นหนังที่น่าติดตามอีกเรื่องหนึ่งนะครับ Q. ให้พี่หม่ำฝากภาพยนตร์เรื่องครูบ้านนอก M. ฝากภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ ครูบ้านนอก ครับเร็วๆนี้ได้ชมกันนะครับ ก็เป็นภาพยนตร์ที่สนุกสนานอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งกำกับโดยอาจารย์สุรสีห์ ผาธรรม นะครับ มือเก่ามือแก่ ก็เป็นหนังที่น่าติดตามอีกเรื่องหนึ่ง อยากให้ทุกท่านติดตามกับภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ ครูบ้านนอก 14 มกราคมนี้ขอบคุณครับ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ