ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้ใหม่ “ธ. เกียรตินาคิน” ที่ระดับ “A-/Stable”

ข่าวทั่วไป Friday October 8, 2010 17:49 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาทของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของธนาคารคงเดิมที่ระดับ “A-” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจหลักของธนาคาร ตลอดจนระบบการบริหารความเสี่ยงที่เป็นที่ยอมรับ ความสามารถในการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ การขยายฐานลูกค้าเงินฝากรายย่อย และฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากสถานะการเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กที่มีจำนวนสาขาน้อยกว่าธนาคารขนาดใหญ่ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับตลาดระดมเงินฝากภายหลังจากที่พระราชบัญญัติประกันเงินฝากฉบับใหม่มีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในเดือนสิงหาคม 2555 นอกจากนี้ ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจและการเมืองภายใต้การแข่งขันที่รุนแรงทั้งในธุรกิจธนาคารพาณิชย์และหลักทรัพย์อาจจำกัดความสามารถในการขยายธุรกิจและการทำกำไรของธนาคาร ซึ่งการเป็นธนาคารขนาดเล็กที่มีโครงสร้างสินทรัพย์และเงินฝากที่ไม่ค่อยกระจายตัวจะเป็นอุปสรรคที่จำกัดการแข่งขันของธนาคารในระยะยาว

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารจะยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตทางธุรกิจและการทำกำไรในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าเอาไว้ได้ อีกทั้งยังสะท้อนถึงความสามารถของธนาคารที่จะควบคุมคุณภาพสินเชื่อและดำรงเงินกองทุนให้เพียงพอรองรับความเสี่ยงซึ่งอาจเกิดจากภาวะเศรษฐกิจและการเงินที่ผันผวนในอนาคต อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตอาจได้รับแรงกดดันจากความเสี่ยงที่เกิดจากฐานลูกค้าเงินฝากที่ยังไม่แน่นอนอันเป็นผลมาจากการบังคับใช้ พ.ร.บ. ประกันเงินฝากเต็มรูปแบบ

ทริสเรทติ้งรายงานว่า ธุรกิจหลักของธนาคารเกียรตินาคินประกอบด้วยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย และธุรกิจการบริหารเงินลงทุนในสิทธิเรียกร้องและสินทรัพย์รอการขาย ธนาคารสามารถบริหารธุรกิจเหล่านี้ได้เป็นอย่างดีด้วยความชำนาญภายใต้คุณภาพสินทรัพย์ที่ควบคุมได้ ทั้งนี้ เนื่องจากธนาคารกำหนดแนวทางการอนุมัติสินเชื่อและเกณฑ์การให้สินเชื่อที่เข้มงวดรวมถึงเน้นจัดเก็บหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นจึงส่งผลให้สินเชื่อคงค้างของธนาคาร ณ สิ้นปี 2552 เติบโตเพียง 7.8% มูลค่า 87,117 ล้านบาท จาก 80,813 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการเติบโต 22.0% ในปี 2551

การที่ธนาคารตัดหนี้สูญไปตั้งแต่ปี 2549 และการให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ส่งผลให้สัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ธนาคารมีอัตราส่วนสินเชื่อจัดชั้น (ชั้นปกติ ชั้นสงสัย และชั้นสงสัยจะสูญ) ต่อสินเชื่อรวมลดลงอย่างมากจากระดับ 14.5% ในปี 2549 เป็น 12.4% ในปี 2550 8.7% ในปี 2551 และ 6.2% ในปี 2552 อัตราส่วนดังกล่าวปรับตัวดีขึ้นเป็น 5.4% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเป็นสินเชื่อที่มีคุณภาพต่ำที่สุดตามคาด โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2553 ธนาคารมีสินเชื่อจัดชั้นในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็น 25.6% ของสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรวม จาก 22.8% ณ สิ้นปี 2552 อย่างไรก็ตาม สัดส่วนดังกล่าวปรับตัวลดลงเล็กน้อยเป็น 23.1% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553

ธนาคารสามารถสร้างรายได้ที่ดีขึ้นและคงผลตอบแทนในระดับสูงจากธุรกิจหลัก ในขณะเดียวกันก็สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ด้วย ธนาคารรายงานผลกำไรสุทธิ 2,229 ล้านบาทในปี 2552 หรือเพิ่มขึ้นถึง 19.4% จาก 1,867 ล้านบาทในปี 2551 ธนาคารยังคงรายงานผลประกอบการที่โดดเด่นในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 โดยมีผลกำไร 1,584 ล้านบาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 61.3% จาก 986 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2552 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกำไรจากการขายสินทรัพย์รอการขายที่มีมากถึง 615 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 เมื่อเทียบกับ 164 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2552 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมลดลงเล็กน้อยเป็น 32.8% ในปี 2552 จาก 34% ในปี 2551 โดยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ระดับ 45.4% ค่อนข้างมาก และปรับขึ้นเป็น 34.7% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 ธนาคารมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยลดลงเล็กน้อยเป็น 1.84% ในปี 2552 จาก 1.85% ในปี 2551 แต่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมากเป็น 2.47% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีแล้ว) สำหรับครึ่งแรกของปี 2553

ในด้านการระดมทุนนั้น กลยุทธ์ในการเพิ่มจำนวนบัญชีลูกค้ารายย่อยด้วยฐานเงินฝากต่อบัญชีที่มีจำนวนน้อยลงส่งผลให้สัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 7.0% ของเงินฝากทั้งหมด ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2552 จาก 0.7% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2551 จากนั้นก็ปรับตัวดีขึ้นเป็น 8.1% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 ธนาคารระดมทุนจากแหล่งเงินทุนอื่นผ่านทางเงินกู้ยืมระยะสั้น (ส่วนใหญ่เป็นตั๋วแลกเงิน) โดยเพิ่มขึ้นเป็น 23,407 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 จาก 18,729 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2553 ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งโดยสะท้อนจากอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งอยู่ที่ระดับ 16.85% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 เนื่องจากธนาคารเน้นสินเชื่อความเสี่ยงสูงที่ให้ผลตอบแทนสูงโดยเฉพาะสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย การดำรงเงินกองทุนและการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่แข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะใช้รองรับความเสียหายที่คาดไม่ถึงจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK)
อันดับเครดิตองค์กร:	                            คงเดิมที่ A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
KK10NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 966 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553 	คงเดิมที่ A-
KK115A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,289 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554    	คงเดิมที่ A-
KK119A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,450 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554  	คงเดิมที่ A-
KK127A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,493 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555    	คงเดิมที่ A-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2555   A-
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                            Stable (คงที่)
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2553  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัด
อันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ