ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. หลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้” ที่ระดับ “BBB+/Stable”

ข่าวทั่วไป Tuesday March 6, 2012 16:31 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ที่ระดับ “BBB+” โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังคง “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ในธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารทุนและตราสารอนุพันธ์ ตลอดจนการมีบริษัทในเครือที่เปิดดำเนินกิจการในประเทศลาวและเวียดนาม นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการสนับสนุนจากหนึ่งในสองผู้ร่วมลงทุนหลักซึ่งถือหุ้น 50% ในบริษัท คือธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีเครือข่ายสาขาอยู่ทั่วประเทศรวมถึงความสัมพันธ์ที่ธนาคารมีกับกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ อันเป็นช่องทางที่เอื้อประโยชน์ต่อการขยายธุรกิจของบริษัทได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังมีข้อจำกัดจากสภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่การแข่งขันทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นและตลาดหุ้นไทยที่ยังมีความผันผวนอยู่มาก อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนที่เกิดจากการเปิดเสรีค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบที่กำลังเริ่มต้นในปี 2555 นี้ ทั้งนี้ การซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของบริษัทซึ่งทำให้บริษัทมีความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในตลาดและยอดสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์จำนวนค่อนข้างสูงก็มีผลต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วย ในขณะที่ แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารกรุงไทยต่อไป และจะสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เอาไว้ได้ ตลอดจนสามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจได้โดยอาศัยคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์และเครือข่ายในภูมิภาค นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังด้วยว่าบริษัทจะมีระบบจัดการความเสี่ยงที่เพียงพอในการควบคุมความเสี่ยงในธุรกิจการลงทุนในด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของบริษัทและในธุรกิจสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ รวมถึงในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์

ทริสเรทติ้งรายงานว่า ส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ในปี 2554 ลดลงมาอยู่ที่ 4.2% (อันดับ 11) จาก 4.6% ในปี 2553 (อันดับ 6) จากการมียอดซื้อขายผ่านบริษัทที่ลดลงของลูกค้ารายใหญ่หลายราย อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถรักษาอัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าเฉลี่ยให้อยู่ที่ 0.20% ในช่วงปี 2553 และครึ่งแรกของปี 2554 เอาไว้ได้ ในส่วนของธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์นั้น ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทก็ลดลงเช่นกัน โดยอยู่ที่ 3.7 % ในปี 2554 จาก 4.2% ในปี 2553

บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้อาศัยสาขาของธนาคารกรุงไทยในการขยายฐานลูกค้ารายย่อย โดยราว 40% ของบัญชีเปิดใหม่ในปี 2554 เป็นลูกค้าที่ผ่านการแนะนำโดยธนาคารกรุงไทย เทียบกับในปี 2553 ซึ่งมีสัดส่วนดังกล่าวไม่ถึง 10% บริษัทได้ใช้ความพยายามในการทำให้พนักงานของธนาคารมีความคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทหลักทรัพย์มากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการแนะนำลูกค้าของธนาคารให้มาใช้บริการของบริษัท การสนับสนุนจากธนาคารในแง่นี้ช่วยให้บริษัทมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งที่ไม่มีความสัมพันธ์กับธนาคารพาณิชย์ นอกจากความช่วยเหลือในการขยายธุรกิจแล้ว ธนาคารกรุงไทยยังให้การสนับสนุนแก่บริษัททางด้านการเงิน โดยบริษัทได้รับวงเงินสินเชื่อจากธนาคารกว่า 80% ทั้งนี้ วงเงินสินเชื่อโดยรวมที่บริษัทได้รับอยู่ในระดับที่เพียงพอที่จะใช้เสริมสภาพคล่องและขยายกิจการในสภาวะปัจจุบัน

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า แม้ว่าบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้จะมีฐานลูกค้ารายย่อยที่กระจายตัว แต่รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทยังคงมาจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ในปัจจุบันบริษัทไม่มีแหล่งรายได้ที่สม่ำเสมอจากธุรกิจบริหารจัดการกองทุน แต่บริษัทกำลังพยายามที่จะเริ่มให้บริการบริหารสินทรัพย์ส่วนบุคคลโดยจะคิดค่าธรรมเนียมการบริหารสินทรัพย์ตามมูลค่าสินทรัพย์ของลูกค้า ในส่วนของธุรกิจวาณิชธนกิจนั้น รายได้ในปี 2554 มีไม่ค่อยมากเมื่อเทียบกับปี 2553 ซึ่งมีรายได้จากการให้บริการแก่ BCEL-KT Securities Co., Ltd. (BCEL-KT) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของบริษัทในประเทศลาว บริษัทได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบการธุรกิจหลักทรัพย์ไทยรายแรก ๆ ที่ขยายธุรกิจไปในแถบอินโดจีนผ่านทาง BCEL-KT และการลงทุนของ บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อีกรายของบริษัท ใน Thanh Cong Securities Joint Stock Company ในประเทศเวียดนาม การริเริ่มขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศน่าจะสร้างความได้เปรียบให้แก่บริษัทให้มีเหนือคู่แข่งรายอื่นในประเทศในการให้บริการวาณิชธนกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมข้ามชาติ ทริสเรทติ้งคาดหวังที่จะเห็นรายได้ของบริษัทจากธุรกิจวาณิชธนกิจเติบโตสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภายหลังการรับโอนธุรกิจหลักทรัพย์จาก บล. ซีมิโก้ ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้จะสามารถมีผลการดำเนินงานที่มีกำไร แต่สัดส่วนกำไรต่อรายได้ของบริษัทยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีขนาดไล่เลี่ยกัน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ 73% ของรายได้รวมในปี 2553 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ระดับประมาณ 60% ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูง เมื่อประกอบกับการที่ต้องพึ่งพารายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จะเป็นแรงกดดันความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในสภาวะที่คาดว่าจะมีการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้นภายหลังการเปิดเสรีในปี 2555 แล้ว

บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้มียอดลูกหนี้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ค่อนข้างสูงกว่า 2.1 พันล้านบาท ณ กลางปี 2554 ซึ่งคิดเป็นประมาณ 8% ของยอดลูกหนี้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์รวมทั้งอุตสาหกรรมและคิดเป็น 110% ของส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทเอง นอกจากนี้ บริษัทยังมียอดการซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของบริษัทที่ค่อนข้างสูงซึ่งทำให้บริษัทมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่ยอดซื้อขายเริ่มมีแนวโน้มลดลง โดยในปี 2552 มีสัดส่วนคิดเป็น 15% ของยอดซื้อขายรวมทั้งอุตสาหกรรม และเหลือ 9% ในปี 2553 และ 5% ในปี 2554

ณ กลางปี 2554 บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ประมาณ 2 พันล้านบาท โดยมีสัดส่วนสินทรัพย์รวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่สูงขึ้นมาอยู่ที่ 2.6 เท่าอันเป็นผลมาจากการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่อหนี้สินทั่วไป ณ สิ้นปี 2553 อยู่ที่ 50% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าเกณฑ์ 7% ตามที่ทางการกำหนดไว้ ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด (KTZ)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ rapee@tris.co.th  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ