ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร “บ. ซีเอฟจี เซอร์วิส” ที่ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 24, 2014 13:22 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ บริษัท ซีเอฟจี เซอร์วิส จำกัด ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของชื่อตราสินเค้า “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ” ของบริษัทในผลิตภัณฑ์สินเชื่อบุคคลที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันและชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงระบบการบริหารความเสี่ยงที่เข้มแข็ง เครือข่ายสาขาที่กว้างขวางทั่วประเทศ และฐานลูกค้าที่กระจายตัวดีด้วย อันดับเครดิตของบริษัทได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทซึ่งสะท้อนถึงการได้รับการสนับสนุนทั้งทางด้านธุรกิจและการเงินในฐานะที่เป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทก็เป็นปัจจัยกดดันอันดับเครดิตเนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะเศรษฐกิจ นอกจากนี้ บริษัทยังต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ความสามารถในการจัดการกับขนาดสินเชื่อที่ค่อนข้างใหญ่ที่มีอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งยังคงมีความไม่แน่นอนในทิศทางขององค์กรและกลยุทธ์ทางธุรกิจซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นของธนาคารแม่ด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดและมีผลประกอบการที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง คาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อเอาไว้ได้ นอกจากนี้ การได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแม่คาดว่าจะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

บริษัทซีเอฟจี เซอร์วิสก่อตั้งในปี 2549 โดย AIG Consumer Finance Group Inc. (AIGCFG) เพื่อซื้อสิทธิ์ในชื่อตราสารค้า “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ” และสินทรัพย์ทั้งหมดยกเว้นลูกหนี้คงค้างจาก บริษัท ศรีสวัสดิ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (1991) จำกัด ในปี 2552 ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ถือครองหุ้นทั้งหมดของบริษัทจาก AIGCFG โดยปัจจุบันบริษัทจัดเป็นบริษัทลูกในกลุ่ม Non-solo Consolidation ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารกรุงศรีอยุธยา และหลังจากเป็นบริษัทในกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยาแล้ว บริษัทก็มีความสามารถในการใช้ประโยชน์ด้านการจัดหาเงินทุนจากธนาคารในการขยายสินเชื่อของบริษัทรวมทั้งประโยชน์ด้านอื่น ๆ จากความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับธนาคาร ซึ่งรวมถึงการใช้ช่องทางในการแนะนำลูกค้าและระบบการจัดการสินเชื่อหลัก บริษัทได้พัฒนาและปรับใช้ระบบการปฏิบัติการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงระบบการจัดการความเสี่ยงและสารสนเทศ บริษัทได้รับการตรวจสอบและติดตามจากธนาคารแม่อย่างใกล้ชิดและได้รับการควบคุมทางอ้อมจากธนาคารแห่งประเทศไทยผ่านทางธนาคารแม่ด้วย

บริษัทให้บริการกู้ยืมสำหรับลูกค้าที่มีรายได้ต่ำซึ่งไม่มีเอกสารทางการเงินแสดงที่มาของรายได้หรือมีเพียงบางรายการ โดยใช้ยานพานะ เช่น รถยนต์ รถกระบะ รถบรรทุก รถจักรยานยนต์ และรถทางการเกษตร เช่น รถแทรคเตอร์ เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ปัจจุบันบริษัทใช้ชื่อตราสินค้า “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและในกลุ่มบริษัทที่เสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทสินเชื่อบุคคลโดยใช้ยานพาหนะเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ความเสี่ยงที่ฝังตัวอยู่ในฐานลูกค้าของบริษัทได้รับการลดทอนลงบางส่วนจากสินเชื่อที่มีขนาดเล็กและฐานลูกค้าที่มีอยู่ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ความเสี่ยงดังกล่าวยังได้รับการควบคุมจากนโยบายการพิจารณาสินเชื่อและกระบวนการควบคุมและติดตามสินเชื่อที่แข็งแกร่งด้วย บริษัทมีการตั้งอัตราส่วนสินเชื่อที่อนุมัติต่อมูลค่าของหลักทรัพย์ที่นำมาค้ำประกันในระดับที่ค่อนข้างต่ำซึ่งช่วยลดทอนความเสี่ยงจากการขาดทุนจากการยึดและจำหน่ายหลักทรัพย์ค้ำประกัน บริษัทยังได้ขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมไปถึงกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดย่อม ซึ่งบริษัทจะได้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาดในการให้สินเชื่อแก่ลูกค้ากลุ่มนี้อีกด้วย

ความต้องการรับบริการทางการเงินจากกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินยังคงมีอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ การที่บริษัทสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากการสนับสนุนของธนาคารแม่ยังส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างความเติบโตที่เข้มแข็งแก่สินเชื่อของบริษัทในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้ กล่าวคือ สินเชื่อของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 1,673 ล้านบาทในปี 2552 เป็น 10,060 ล้านบาทในปี 2556 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (Compound Annual Growth Rate: CAGR) ที่ 57% ระบบปฏิบัติการของบริษัทอยู่ในระดับที่เข้มแข็งและเพียงพอต่อการสนับสนุนธุรกิจของบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ความสามารถในการจัดการสินเชื่อที่มีขนาดใหญ่ในปัจจุบัน รวมทั้งพิสูจน์ความสามารถในการสร้างผลประกอบการที่น่าพอใจด้วยคุณภาพสินเชื่อในระดับที่ยอมรับได้

อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระเกิน 90 วัน) ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนลดลงจาก 1.8% ณ สิ้นปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ มาอยู่ที่ระดับ 0.6% ณ สิ้นปี 2555 อัตราส่วนดังกล่าวรักษาระดับอยู่ที่ 0.6% ณ สิ้นปี 2556 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับฐานลูกค้าของบริษัทซึ่งโดยปกติมีความเสี่ยงด้านเครดิตที่ค่อนข้างสูง บริษัทมีนโยบายการตั้งสำรองที่ระมัดระวัง โดยมีอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ระดับ 6.5% ทั้งนี้ อัตราส่วนดังกล่าวมากเพียงพอต่อระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทในปัจจุบัน

อัตราผลตอบแทนด้านดอกเบี้ยรับของบริษัทได้รับผลกระทบจาก 2 ทาง คือ จากการแข่งขันทางตรงของคู่แข่งและจากการขยายสินเชื่อไปยังกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพเครดิตที่เข้มแข็งขึ้น อัตราผลตอบแทนด้านดอกเบี้ยรับของบริษัทลดลงจาก 28.2% ในปี 2554 เป็น 22.8% ในปี 2556 ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับ 4.4%-5.0% ในช่วงเวลาเดียวกัน ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายลดลงจาก 23.8% ในปี 2554 เป็น 18% ในปี 2556 หากบริษัทสามารถควบคุมคุณภาพของสินเชื่อในปัจจุบันไว้ได้ อัตราส่วนดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายยังคงถือว่าสูงเพียงพอที่จะทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่โดดเด่นต่อไปได้ กำไรสุทธิของบริษัทปรับดีขึ้นหลังจากมีสถานะเป็นบริษัทลูกของธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 57 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 401 ล้านบาทในปี 2556 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมเฉลี่ยก็ปรับเพิ่มจาก 1.9% ในปี 2553 เป็น 4.7% ในปี 2556

บริษัทมีการจัดการสินทรัพย์และหนี้สินที่ดีภายใต้การควบคุมของธนาคารแม่ บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแม่และจัดเป็นบริษัทลูกในกลุ่ม Non-solo Consolidation ซึ่งบริษัทที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มดังกล่าวจะมีข้อจำกัดในด้านการสนับสนุนทางการเงินที่จะได้รับจากธนาคารแม่ไปยังบริษัทลูก แม้ว่าจะมีข้อจำกัดดังกล่าว แต่ระดับวงเงินสินเชื่อสูงสุดที่จำกัดไว้ให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาสามารถให้แก่บริษัทได้ยังคงมากเพียงพอที่จะสนับสนุนการขยายธุรกิจของบริษัทได้ บริษัทได้ใช้ประโยชน์จากการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยานับตั้งแต่มีสถานะเป็นบริษัทลูก โดยบริษัทได้กู้ยืมเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาเพียงแห่งเดียว หลังจากการปรับโครงสร้างเงินทุนในปี 2552 ฐานทุนของบริษัทก็ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัท อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มขึ้นนั้นไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการเติบโตที่ค่อนข้างมากของสินเชื่อ ส่งผลให้อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมลดลงจาก 29.1% ในปี 2552 เป็น 15% ณ สิ้นปี 2556 การสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่องจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาช่วยลดทอนความกังวลต่อการด้อยลงของอัตราส่วนทางด้านโครงสร้างเงินทุนลงได้ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2556 ผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้เปลี่ยนจาก General Electric (GE) มาเป็น Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ (BTMU) การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อการสนับสนุนที่บริษัทจะได้รับจากธนาคารแม่ ตลอดจนกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทิศทางขององค์กรและกลยุทธ์ทางธุรกิจด้วย

บริษัท ซีเอฟจี เซอร์วิส จำกัด (CFGS)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ