ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ด้อยสิทธิ “ธ. ทหารไทย” ที่ “A+” และ “A” พร้อมคงแนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 15, 2014 16:42 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ของธนาคารที่ระดับ “A” โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานภาพทางการตลาดในระดับปานกลางของธนาคาร ตลอดจนตัวเลขทางการเงินที่ปรับตัวดีขึ้น และการได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธนาคารคือ ING Bank N.V. (ING Bank) อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากความสามารถในการทำกำไรที่ยังอ่อนแอของธนาคารและสินเชื่อด้อยคุณภาพที่อยู่ในระดับสูงแม้ว่าจะลดลงก็ตาม ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายว่าสถานะทางการเงินและคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารจะยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อไปในระยะกลาง ในขณะที่การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจาก ING Bank คาดว่าจะช่วยให้การบริหารความเสี่ยงของธนาคารดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พื้นฐานทางธุรกิจและขีดความสามารถในการแข่งขันของธนาคารได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ING Bank เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารทหารไทยมาตั้งแต่ปี 2550 โดย ณ เดือนเมษายน 2557 มีสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคาร (รวมกับ ING Support Holding) 30% ในขณะที่กระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อีกรายมีสัดส่วนการถือหุ้น 26% ในฐานะหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ ING Bank มีบทบาทสำคัญในการบริหารธนาคาร อีกทั้งยังได้นำความรู้ความเชี่ยวชาญในการบริหารความเสี่ยงและจุดแข็งด้านการบริการลูกค้ารายย่อยของ ING Bank มาประยุกต์ใช้เพื่อเป็นประโยชน์กับธนาคารอีกด้วย
ธนาคารทหารไทยเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีขนาดของสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 7 ณ เดือนมิถุนายน 2557 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อ 5.0% และเงินรับฝาก 5.6% การขยายตัวของสินเชื่อของธนาคารในระยะหลายปีมานี้มุ่งเน้นที่การเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยสัดส่วนของสินเชื่อดังกล่าวต่อสินเชื่อรวมของธนาคารเพิ่มขึ้นจาก 27% ณ สิ้นปี 2553 มาเป็น 37% ณ เดือนมิถุนายน 2557 โดยธนาคารมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนดังกล่าวให้ถึงระดับ 50% ภายในระยะเวลา 5 ปี แม้ว่าสินเชื่อดังกล่าวจะให้ผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยงที่ดี แต่การเพิ่มขึ้นของสัดส่วนของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นอาจก่อให้เกิดปัญหาต่อคุณภาพสินทรัพย์ได้หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดีเพียงพอ ทั้งนี้ เนื่องจากธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมโดยทั่วไปมักมีความอ่อนไหวต่อปัญหาสภาพเศรษฐกิจมากกว่า
ธนาคารพยายามแก้ไขปัญหาและปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทั้งโดยการปรับโครงสร้างหนี้ การจำหน่ายสินเชื่อด้อยคุณภาพ และการตัดจำหน่ายหนี้เสีย ส่งผลให้ปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงจาก 36 พันล้านบาท (9.9% ของสินเชื่อรวม) ณ สิ้นปี 2553 เป็น 20.8 พันล้านบาท (4.1%) ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของธนาคารยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม สินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อจัดชั้นค้างชำระเกิน 3 เดือน สินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และทรัพย์สินรอการขาย) ก็ลดลงเช่นกัน โดยลดลงจาก 53% ของเงินกองทุนซึ่งรวมสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ณ สิ้นปี 2553 มาเป็น 23% ณ เดือนมิถุนายน 2557 ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม
ธนาคารมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่เข้มแข็งขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนมีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในระดับที่สูงถึง 2.1 เท่าของเกณฑ์การตั้งสำรองขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ เดือนมิถุนายน 2557 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ระดับ 1.8 เท่า ด้วยปริมาณการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นประกอบกับการลดลงของสินเชื่อด้อยคุณภาพทำให้อัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอยู่เล็กน้อย

ผลประกอบการของธนาคารดีขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กำไรก่อนค่าใช้จ่ายตั้งสำรองและภาษีเติบโตขึ้นเป็น 14.7 พันล้านบาทในปี 2556 เทียบกับ 4.9 พันล้านบาทในปี 2553 การชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของธนาคารอยู่บ้าง กล่าวคือ กำไรก่อนค่าใช่จ่ายการตั้งสำรองและภาษีในครึ่งแรกของปี 2557 ลดลงเหลือ 6.6 พันล้านบาท เทียบกับ 7.2 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2556 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่าการลดลงดังกล่าวเป็นการชะลอตัวชั่วคราวซึ่งน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ตามสภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2557

แม้ว่าความสามารถในการทำกำไรของธนาคารจะดีขึ้นอย่างมากในระยะหลังนี้ แต่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 0.18% ในปี 2555 และ 0.78% ในปี 2556 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 1.39% ในปี 2555 และ 1.54% ในปี 2556 ทั้งนี้ ในปี 2555 และ 2556 ธนาคารมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเป็นกรณีพิเศษซึ่งมีผลทำให้กำไรสุทธิลดลง แต่แม้ภายหลังการปรับผลกระทบดังกล่าวแล้ว ธนาคารก็จะยังคงมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอยู่เช่นเดิม สำหรับครึ่งแรกของปี 2557 ธนาคารมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยและอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยที่ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีอยู่ที่ 0.53% และ 0.63% ตามลำดับ ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมแม้ว่าในช่วงดังกล่าวธนาคารมีการรับรู้ผลกำไรพิเศษจำนวน 862 ล้านบาท (เทียบกับยอดกำไรก่อนภาษี 5.1 พันล้านบาท) ที่เกิดจากรายการที่เกี่ยวข้องกับการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพที่มีมาแต่เดิมและการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งก็ตาม

ในส่วนของแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องนั้น ธนาคารประสบความสำเร็จในการปรับโครงสร้างแหล่งเงินทุนให้มีการกระจายตัวและมีเสถียรภาพดียิ่งขึ้นโดยมีฐานเงินฝากที่เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ณ เดือนมิถุนายน 2557 ธนาคารมีอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินรับฝากรวมตั๋วแลกเงินอยู่ที่ 89% เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ระดับเกือบ 100% ทั้งนี้ อัตราส่วนดังกล่าวลดลงจาก 94% ณ เดือนธันวาคม 2556 เนื่องจากในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 ธนาคารปล่อยสินเชื่อด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ในขณะที่ฐานเงินฝากของธนาคารยังคงเติบโตตามแผน ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวธนาคารจะสามารถใช้ฐานเงินฝากดังกล่าวในการขยายสินเชื่อได้ต่อไป

ธนาคารมีฐานเงินทุนที่เพียงพอสำหรับการขยายธุรกิจในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า โดย ณ เดือนมิถุนายน 2557 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 10.7% มีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยง 10.7% และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 15.4% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ระดับ 4.5% 6.0% และ 8.5% ตามลำดับ อยู่พอสมควร

ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TMB19NA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิ 5,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A
TMB204A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิ 8,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ