ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม “กรุงเทพมหานคร” ที่ “AA+/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 24, 2014 13:32 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของกรุงเทพมหานครที่ระดับ “AA+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานภาพของเขตกรุงเทพมหานครในฐานะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงแหล่งรายได้ที่แน่นอนจากภาษีอากร รวมทั้งการบริหารงบประมาณภายใต้นโยบายงบประมาณแบบสมดุล และฐานะการเงินที่แข็งแกร่งจากการมีภาระหนี้สินที่ต่ำและการดำรงเงินสะสมในระดับสูงด้วย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวลดทอนลงจากความต้องการในการลงทุนเป็นอย่างมากในโครงการด้านสาธารณูปโภคและระบบขนส่งมวลชน ตลอดจนภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นจากการดำเนินงานของกรุงเทพมหานครเองและภารกิจที่รับโอนจากรัฐบาลในขณะที่กรุงเทพมหานครมีข้อจำกัดในการจัดหาแหล่งรายได้เพิ่ม นอกจากนี้ ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่จะต้องติดตามความคืบหน้าด้วยเช่นกัน เช่น การนำเสนองบการเงินที่ผ่านการตรวจสอบภายในกรอบเวลาที่เหมาะสม การบริหารจัดการหนี้สินและการลงทุนให้มีความสอดคล้องกับระดับรายได้ และการพัฒนากรอบวินัยในการบริหารหนี้ให้เป็นรูปธรรม เป็นต้น ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการมีแหล่งรายได้ที่แน่นอนและนโยบายการบริหารงบประมาณแบบสมดุลของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่ากรุงเทพมหานครจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกลางอย่างต่อเนื่องตลอดไป อีกทั้งภาระผูกพันจากการลงทุนและการก่อหนี้ในอนาคต รวมถึงภาระหนี้ของบริษัทย่อยควรได้รับการศึกษาและวางแผนอย่างรอบคอบให้เหมาะสมกับระดับรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของกรุงเทพมหานครด้วยเช่นกัน
กรุงเทพมหานครมีฐานะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งมีหน้าที่บริหารราชการและบริหารจัดการกิจการสาธารณูปโภคเพื่อให้บริการแก่ผู้อยู่อาศัยและผู้ประกอบกิจการในเขตกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของประเทศ ในปี 2555 กรุงเทพมหานครมีผลิตภัณฑ์มวลรวมรายจังหวัด (Gross Provincial Product – GPP) สูงที่สุดในประเทศ ด้วยมูลค่า 3.69 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 32.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product – GDP) ในด้านการเงินการคลังนั้น กรุงเทพมหานครมีรายได้หลักมาจากภาษีอากร โดยเป็นภาษีอากรที่กรุงเทพมหานครจัดเก็บเองและส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้ ทั้งนี้ ภาษีอากรนับว่าเป็นแหล่งรายได้ที่มีความแน่นอนสูงแม้จะมีความผันผวนอยู่บ้างตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศและนโยบายของรัฐบาลกลาง
ในปีงบประมาณ 2556 เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้กรุงเทพมหานครจัดเก็บรายได้จำนวน 63,061 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6% จากปีงบประมาณที่ผ่านมา โดยรายได้ภาษีอากรที่กรุงเทพมหานครจัดเก็บเองคิดเป็น 18% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่ง 92% มาจากภาษีโรงเรือนและที่ดิน ในขณะที่ภาษีที่ส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้คิดเป็น 77% ของรายได้ทั้งหมด โดยมีสัดส่วนที่มาจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีหรือค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และภาษีหรือค่าธรรมเนียมรถยนต์คิดเป็นประมาณ 47% 21% และ 20% ตามลำดับ ในขณะที่กรุงเทพมหานครมีค่าใช้จ่ายรวม 68,508 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2556 หรือเพิ่มขึ้น 1% จากปีที่ผ่านมา โดยกรุงเทพมหานครได้นำเงินสะสมมาใช้ในส่วนรายจ่ายเพิ่มเติมในโครงการด้านการศึกษา โครงการอุโมงค์ระบายน้ำ และภารกิจต่าง ๆ ที่ได้รับมอบจากรัฐบาล จึงส่งผลให้กรุงเทพมหานครรายงานดุลการคลังขาดดุลจำนวน 5,446 ล้านบาท และอัตราส่วนดุลการคลังต่อรายได้อยู่ที่ -8.64% ในปีงบประมาณ 2556 ซึ่งส่งผลให้เงินสะสมของกรุงเทพมหานครลดลงจาก 14,187 ล้านบาท ณ สิ้นปีงบประมาณ 2555 เป็น 10,816 ล้านบาท ณ สิ้นปีงบประมาณ 2556 กรุงเทพมหานครมีค่าใช้จ่ายดำเนินการคิดเป็นสัดส่วน 77% ของรายจ่ายรวมทั้งหมดในปีงบประมาณ 2556 โดยส่วนที่เหลือเป็นงบลงทุน ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายดำเนินการของกรุงเทพมหานครอยู่ที่ระดับ 52,802 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีที่ผ่านมา โดยค่าใช้จ่ายดำเนินการที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้ความสามารถในการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคอื่น ๆ ของกรุงเทพมหานครลดลง ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครไม่ได้บันทึกรายได้และรายจ่ายทั้งหมดของโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (BTS) ส่วนต่อขยายไว้ในรายงานการรับ-จ่ายเงินประจำปีของกรุงเทพมหานครที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งส่งผลทำให้รายงานการรับ-จ่ายเงินของกรุงเทพมหานครต่ำกว่าความเป็นจริง
สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2557 กรุงเทพมหานครสามารถจัดเก็บภาษีรายได้จำนวน 48,608 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยการจัดเก็บภาษีหรือค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเพิ่มขึ้นถึง 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เมื่อถึงสิ้นปีงบประมาณ กรุงเทพมหานครคาดว่าจะสามารถจัดเก็บภาษีรายได้ใกล้เคียงกับที่ประมาณการไว้ที่ 65,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2557 กรุงเทพมหานครได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมไว้จำนวน 5,000 ล้านบาท ซึ่งอาจจะทำให้กรุงเทพมหานครมีดุลการคลังขาดดุลและส่งผลให้กรุงเทพมหานครรายงานอัตราส่วนดุลการคลังต่อรายได้ติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
ในปีงบประมาณ 2556 ภาระหนี้ของกรุงเทพมหานครอยู่ที่ระดับ 11,198 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจาก 11,345 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2555 โดยภาระหนี้สินส่วนใหญ่ของกรุงเทพมหานครประกอบไปด้วยภาระการกู้เงินของบริษัทลูกคือ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เพื่อใช้ในการลงทุนก่อสร้างโครงการ BTS ส่วนต่อขยายสีลม (ตากสิน-เพชรเกษม) รวมถึงมูลค่าปัจจุบันของค่าจัดหาขบวนรถไฟฟ้าภายใต้สัญญาการจัดหา ให้บริการเดินรถ และซ่อมบำรุงของโครงการ BTS และมูลค่าปัจจุบันของค่าเช่ารายปีจากสัญญาเช่ารถยนต์และรถเก็บขยะมูลฝอย สำหรับปีงบประมาณ 2557 คาดว่าภาระหนี้ของกรุงเทพมหานครจะอยู่ที่ระดับ 12,125 ล้านบาทเนื่องจากกรุงเทพมหานครได้มีการลงนามในสัญญาเช่ารถเก็บขยะมูลฝอยเพิ่ม

ในการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของกรุงเทพมหานครนั้น ทริสเรทติ้งจะพิจารณาถึงภาระหนี้ที่ต้องจ่ายของกรุงเทพมหานครจากสัญญาจัดจ้างผูกพันต่าง ๆ เช่นค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยาย และรถเมล์ BRT ค่าเช่ารถยนต์และรถเก็บขยะมูลฝอย และภาระการชำระคืนเงินกู้ยืม โดยในปี 2556 ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า BTS และรถเมล์ BRT รวมทั้งภาระการชำระหนี้เงินกู้ยืมที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้อัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ของกรุงเทพมหานครเพิ่มขึ้นจาก 4% ในปีงบประมาณ 2555 เป็น 5.5% ในปีงบประมาณ 2556 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 6.4% ในปีงบประมาณ 2557

กรุงเทพมหานครมีนโยบายในการพัฒนาสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตของภาคเศรษฐกิจและการลงทุน ส่งผลทำให้กรุงเทพมหานครมีความต้องการเงินลงทุนจำนวนมาก ถึงแม้กรุงเทพมหานครจะได้รับเงินอุดหนุนรายปีจากรัฐบาลเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการต่าง ๆ แต่เงินอุดหนุนที่ได้รับจะต้องใช้จ่ายตามโครงการที่กำหนดไว้และมีจำนวนไม่เพียงพอ กรุงเทพมหานครจึงได้พิจารณาหาแหล่งเงินทุนอื่นเพื่อใช้ในการลงทุน รวมถึงการจัดเก็บภาษีชนิดใหม่หรือการเพิ่มอัตราภาษีบางประเภท อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมมีขั้นตอนที่ซับซ้อนและใช้เวลาในการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี รวมทั้งยังต้องพิจารณาผลกระทบทางเศรษฐกิจและการเมืองด้วย ทริสเรทติ้งคาดว่ากรุงเทพมหานครจะพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบทั้งในด้านกฎหมายและในด้านการเงินอย่างมีนัยสำคัญ

กรุงเทพมหานคร (BMA)
อันดับเครดิตองค์กร: AA+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ