ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และแนวโน้ม “บ. ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี” ที่ “A-/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 23, 2015 13:00 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจยางธรรมชาติ ตลอดจนการมีฐานลูกค้าที่กระจายตัว และผลงานของคณะผู้บริหารที่เป็นที่ยอมรับ ทว่าความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความผันผวนของราคายางธรรมชาติและอัตราการทำกำไรในระดับต่ำของกลุ่มผู้ผลิตยางธรรมชาติในธุรกิจกลางน้ำ (Mid-stream Producer) โดยที่การชะลอตัวของความต้องการยางธรรมชาติจากเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวซึ่งอาจทำให้ราคายางตกต่ำต่อเนื่องยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะรักษาความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติได้ต่อไป นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถจัดการสภาพคล่องและรักษาความแข็งแกร่งของงบดุลเพื่อรองรับวงจรธุรกิจขาลงของอุตสาหกรรมยางธรรมชาติได้

ปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัทมีค่อนข้างจำกัดในภาวะที่ราคายางธรรมชาติยังอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตสามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ราคายางธรรมชาติตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องจนส่งผลให้ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทลดลงเป็นระยะเวลานาน นอกจากนี้ การลงทุนที่ใช้เงินกู้จำนวนมากก็เป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน

บริษัทศรีตรังแอโกรอินดัสทรีเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจแปรรูปและจำหน่ายยางธรรมชาติในตลาดโลก ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานแปรรูป 26 แห่งในประเทศไทย 3 แห่งในประเทศอินโดนีเซีย และอีก 1 แห่งในประเทศพม่า ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทมีกำลังการผลิตยางแปรรูปทั้งสิ้น 1,467,544 ตันต่อปี บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดยางธรรมชาติทั่วโลกเท่ากับ 8.8% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 บริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางประมาณ 80% ให้แก่ผู้ประกอบการโดยตรงซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตยางรถยนต์ โดยมียอดส่งออกคิดเป็น 84% ของปริมาณขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 ตลาดส่งออกของบริษัทคือประเทศจีนซึ่งมีมูลค่าคิดเป็น 51% ของปริมาณยอดส่งออกทั้งหมด

ปัจจุบันผู้ผลิตยางธรรมชาติรายใหญ่ของโลกประกอบด้วยประเทศไทย อินโดนีเซีย เวียดนามและมาเลเซีย ผลผลิตโดยรวมจากทั้ง 4 ประเทศคิดเป็น 79% ของผลผลิตทั่วโลกที่มีปริมาณ 5.6 ล้านตันในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 โดยประเทศไทยเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดด้วยผลผลิตรวมทั้งสิ้น 2.01 ล้านตัน รองลงมาได้แก่ประเทศอินโดนีเซีย (1.62 ล้านตัน) ประเทศเวียดนาม (0.41 ล้านตัน) และประเทศมาเลเซีย (0.35 ล้านตัน) ส่วนในด้านของการบริโภคนั้น ความต้องการยางธรรมชาติปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2554-2557 ที่ผ่านมาจาก 10.79 ล้านตันในปี 2553 มาอยู่ที่ 12.16 ล้านตันในปี 2557 เติบโตเฉลี่ยประมาณ 3.0% ต่อปี ประเทศจีนเป็นผู้บริโภครายใหญ่ที่สุด ซึ่งคิดเป็น 39.2% ของปริมาณผลผลิตยางธรรมชาติทั่วโลก การบริโภคยางธรรมชาติทั่วโลกเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 1.4% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและราคาน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ International Rubber Study Group (IRSG) คาดการณ์ว่าผลผลิตยางธรรมชาติของโลกจะมีมากกว่าความต้องการยางธรรมชาติที่จำนวน 303,000 ตัน ในปี 2558

อุตสาหกรรมยางแปรรูปเป็นอุตสาหกรรมที่มีต้นทุนวัตถุดิบคิดเป็น 94%-98% ของต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตยางแปรรูปแต่ละราย ผู้ประกอบการจึงมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคายางธรรมชาติ ดังนั้น กำไรและกระแสเงินสดของผู้ประกอบการจึงมีความผันผวนอย่างมาก ทั้งนี้ ในระหว่างปี 2553-2557 บริษัทมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา (ไม่รวมการกลับรายการของการด้อยค่าของสินค้าคงเหลือ) เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 0.64%-3.79% และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ระหว่าง 1,490-4,945 ล้านบาท

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 รายได้รวมของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ระดับ 45,825 ล้านบาท หรือลดลง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 อันเป็นผลมาจากราคาขายเฉลี่ยของบริษัทที่ลดลง 16.4% และปริมาณขายที่ลดลง 7.1% โดยบริษัทมีปริมาณขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 เท่ากับ 817,004 ตัน ลดลง 7.0% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการลดลงของการส่งออกไปยังประเทศจีน การส่งออกยางธรรมชาติไปยังประเทศจีน ซึ่งมีสัดส่วน 51.0% ของปริมาณการส่งออกรวมของบริษัทลดลง 15.8% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 ราคาขายเฉลี่ยของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 ลดลงประมาณ 16.4% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 ตามราคายางธรรมชาติในตลาดโลก สาเหตุเกิดจากปริมาณความต้องการยางธรรมชาติที่เติบโตในอัตราชะลอลงเพียง 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก แม้ว่าราคายางธรรมชาติจะลดลง แต่อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มเป็น 3.28% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2557 ที่เท่ากับ 0.64% ซึ่งสาเหตุมาจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ อัตรากำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นส่งผลทำให้EBITDAของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2,719 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 ซึ่งเพิ่มขึ้น 47.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

งบดุลของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนหนี้เงินกู้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 19,799 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 จากเดิมที่ 13,975 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอ่อนตัวลงอยู่ที่ระดับ 48.11% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 จาก 40.43% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 เนื่องมาจากความต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในช่วงธุรกิจขาลงของอุตสาหกรรมยางธรรมชาติ โดยอัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 เท่ากับ 3.35 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปี 2556-2557 ที่ระดับ 3.62-3.72 เท่า อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงาน (FFO)ต่อเงินกู้รวมลดลงมาอยู่ที่10.66% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 เมื่อเปรียบเทียบกับปี2556-2557ที่เท่ากับ14.07%-16.46% ในช่วงปี 2559-2561 บริษัทวางแผนจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาทต่อปีเพื่อใช้ในการสร้างโรงงานแปรรูปยางพาราทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ EBITDA ที่ระดับ 2,500-2,900 ล้านบาทต่อปี ทริสเรทติ้งคาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทจะมีเพียงพอที่จะรองรับแผนการลงทุนของบริษัท

บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (STA)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
STA16DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 550 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
STA162A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
STA182A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ