ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม “บ. ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979” ที่ “BBB/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 30, 2015 16:40 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงประวัติอันยาวนานในการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกันและคณะผู้บริหารซึ่งมากด้วยประสบการณ์ การจัดอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงความสามารถในการทำกำไรในระดับที่น่าประทับใจ ตลอดจนระดับฐานทุนที่เพียงพอ และช่องทางการให้สินเชื่อที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกจำกัดโดย ภาวะการแข่งขันที่รุนแรง สภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย ภาวะหนี้ครัวเรือนสูง และข้อเท็จจริงที่ว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทมีความอ่อนไหวเป็นอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ บริษัทยังต้องใช้เวลาพิสูจน์เสถียรภาพในการเติบโตทางธุรกิจและการสร้างผลประกอบการที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่องด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดและมีผลประกอบการที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อเอาไว้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ด้วยเช่นกันการปรับเพิ่มขึ้นของอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่บริษัทสามารถขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องและคงความสามารถในการทำกำไรในระดับที่น่าพอใจ ในขณะเดียวกันก็สามารถดำรงคุณภาพสินทรัพย์ในระดับสูงเอาไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากคุณภาพสินทรัพย์และความสามารถในการแข่งขันของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ในปี 2522 ครอบครัวแก้วบุตตาซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในปัจจุบันของบริษัทศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 ได้เริ่มธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกันโดยใช้รถยนต์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ต่อมาในปี 2550 ครอบครัวแก้วบุตตาได้ขายธุรกิจทั้งหมดซึ่งขณะนั้นบริหารจัดการภายใต้บริษัท ศรีสวัสดิ์ อินเตอร์เนชั่นแนล 1991 จำกัด ให้แก่สถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ในขณะที่บริษัทยังคงสินเชื่อคงค้างเอาไว้ ในปี 2552 ครอบครัวแก้วบุตตาได้กลับมาเริ่มขยายสินเชื่ออีกครั้งภายใต้บริษัทจัดตั้งขึ้นใหม่ที่ซื้อกิจการมา คือ บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท พาวเวอร์ 99 จำกัด) ในปี 2554 สินเชื่อทั้งหมดของบริษัทศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ ถูกโอนมายังบริษัทศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 ซึ่งเป็นบริษัทที่ครอบครัวแก้วบุตตาก่อตั้งขึ้นในปี 2551 นับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา ธุรกิจหลักของบริษัทก็เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลซึ่งมีหลักประกันเป็นสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้แก่ รถจักรยานยนต์ รถยนต์ ที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ บริษัทได้ขยายธุรกิจผ่านการเพิ่มจำนวนสาขาอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ บริษัทได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2557

ปัจจุบันผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทคือครอบครัวแก้วบุตตาซึ่งถือหุ้นประมาณ 57% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด บริษัทยังมีบริษัทย่อยอีก 3 แห่ง ซึ่งประกอบด้วย บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ซึ่งให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน บริษัท บริหารสินทรัพย์ เอส ดับบลิว พี จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท บริหารสินทรัพย์ ศรีสวัสดิ์ จำกัด) ซึ่งให้บริการจัดเก็บหนี้และดำเนินธุรกิจซื้อหนี้เสียมาบริหาร และบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ คือ บริษัท ศรีสวัสดิ์ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจการให้สินเชื่อ ในขณะที่บริษัทซึ่งเป็นบริษัทแม่ ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกันโดยมียานพาหนะทุกชนิดเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน (ได้แก่ รถจักรยานยนต์ใช้แล้ว รถยนต์ รถบรรทุก ฯลฯ) หรือที่ดินและอสังหาริมทรัพย์

หนึ่งในกลยุทธ์หลักของบริษัทคือการขยายเครือข่ายสาขาในพื้นที่ต่างจังหวัดซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จำนวนสาขาของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 258 สาขาในปี 2554 เป็น 1,408 สาขา ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 ส่งผลให้สินเชื่อของบริษัทเติบโตขึ้นจาก 2,829 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 7,816 ล้านบาทในปี 2557 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 43% สินเชื่อคงค้างของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 10,537 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 เพิ่มขึ้น 35% จากสิ้นปี 2557 ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 สินเชื่อคงค้างของบริษัทประกอบด้วยสินเชื่อที่มีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถกระบะเป็นหลักประกัน 53.5% สินเชื่อที่มีรถจักรยานยนต์ใช้แล้วเป็นหลักประกัน 18% สินเชื่อที่มีรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์เป็นหลักประกัน 12.4% สินเชื่อที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกัน 10.2% สินเชื่อที่มีที่ดินเป็นหลักประกัน 4.5% สินเชื่อที่มีรถจักรยานยนต์ใหม่เป็นหลักประกัน 0.7% และสินเชื่อที่มียานพาหนะอื่น ๆ เป็นหลักประกัน 0.7% ทั้งนี้ สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันและสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์คิดเป็นอย่างละ 0.02% ของสินเชื่อคงค้างทั้งหมด ทั้งนี้ บริษัทได้หยุดธุรกิจให้สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ในปี 2558

อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระมากกว่า 90 วัน) ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยอัตราส่วนลดลงจากระดับสูงสุดที่ 10.6% ณ สิ้นปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ มาอยู่ที่ระดับ 5.4% ณ สิ้นปี 2555 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 5.5% และ 5.7% ณ สิ้นปี 2556 และสิ้นปี 2557 ตามลำดับจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองและสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ขณะที่ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นพร้อมกับการลดลงของอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลงมาอยู่ที่ระดับ 5% บริษัทใช้เกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อบนพื้นฐานความระมัดระวังและมีอัตราส่วนการปล่อยสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันที่ระดับต่ำ บริษัทมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ระดับประมาณ 60%

ผลประกอบการของบริษัทเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 26 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 575 ล้านบาทในปี 2556 และเติบโตอีก 49% มาอยู่ที่ระดับ 855 ล้านบาทในปี 2557 ในขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 1.6% ในปี 2554 เป็น 11.7% ในปี 2557 รายได้สุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 เท่ากับ 939 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากช่วงเดียวกันของปี 2557 และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเท่ากับ 12% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี)

การเสนอขายหุ้นแก่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2557 ทำให้ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 250 ล้านบาทเป็น 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทใช้เงินจากการเพิ่มทุนเพื่อการชำระหนี้และการขยายสินเชื่อ การเสนอขายหุ้นฯ ดังกล่าว ทำให้ฐานทุนของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นจาก 18.7% ณ สิ้นปี 2556 เป็น 40% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 และคงที่อยู่ในระดับ 40% ณ สิ้นปี 2557 ในเดือนพฤษภาคม 2558 บริษัทได้จ่ายหุ้นปันผลคิดเป็นจำนวนเงิน 20 ล้านบาท ทำให้ทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 1,020 ล้านบาท ถึงแม้ว่าอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมปรับลงเล็กน้อยเป็น 35.4% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 นับว่าฐานทุนของบริษัทในขณะนี้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเพียงพอสำหรับรองรับการขยายสินเชื่อในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ นอกจากนี้ การที่บริษัทแสดงผลกำไรอย่างสม่ำเสมอตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมายังทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ระดับต่ำกว่า 1.8 เท่า ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558

บริษัทมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีระดับความเสี่ยงสูงและค่อนข้างอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงในทางลบของภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้น นโยบายการอนุมัติเครดิตอันเข้มงวดของบริษัท ตลอดจนกระบวนการจัดเก็บหนี้ที่เพียงพอ และฐานทุนที่แข็งแกร่งจะช่วยจำกัดและดูดซับความเสี่ยงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วทำให้บริษัทต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ความสามารถในการบริหารจัดการฐานสินเชื่อขนาดใหญ่ ตลอดจนสร้างผลประกอบการที่น่าประทับใจ และดำรงคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) (SAWAD)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ