ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท “บ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ” ที่ระดับ “A/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 26, 2016 09:40 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาทของ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “A” ด้วย โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้บางส่วนไปใช้ทดแทนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินตามแผนการปรับโครงสร้างทางการเงิน และใช้สำหรับโครงการลงทุนของบริษัท โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงฐานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่มั่นคงและแน่นอน รวมถึงโอกาสในการเติบโตของธุรกิจรถไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความไม่แน่นอนในการต่ออายุสัญญาสัมปทานทางด่วนในเขตเมืองที่จะหมดอายุในปี 2563 และการก่อหนี้ของบริษัทที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากแผนการลงทุนขนาดใหญ่

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมออย่างต่อเนื่องจากทั้ง 2 ธุรกิจหลัก ปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัทมีจำกัดจากแผนการลงทุนในระยะ 2 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ การลงทุนที่ใช้การก่อหนี้ในระดับสูงจนส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับสูงกว่า 65% อย่างต่อเนื่องยาวนานจะส่งผลลบต่อคุณภาพเครดิตของบริษัท

บริษัทก่อตั้งเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2558 จากการควบบริษัทระหว่าง บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2559 โดยมี บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสัดส่วน 28.16% ณ เดือนเมษายน 2559

บริษัทดำเนินธุรกิจหลัก 3 ประเภทซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจก่อสร้างและบริหารโครงการทางด่วน ธุรกิจรถไฟฟ้า และธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายทางด่วนและรถไฟฟ้าของบริษัท ณ สิ้นปี 2558 บริษัทมีรายได้ 11,738 ล้านบาท โดย 75% ของรายได้มาจากธุรกิจทางด่วน 20% มาจากธุรกิจรถไฟฟ้า และ 5% มาจากธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์

บริษัทเป็นผู้ก่อสร้างและบริหารโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 หรือโครงการทางพิเศษศรีรัชและโครงการทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด) หรือทางด่วนส่วน C+ โดยได้รับสัมปทานในระบบ Build-Transfer-Operate (BTO) ระยะเวลา 30 ปีจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยสัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วนต่อขยายของทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D และทางด่วนส่วน C+ จะหมดอายุในปี 2563 ปี 2570 และปี 2569 ตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับสัมปทานโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ส่วน SOE) ด้วย โดยสัญญาสัมปทานเป็นแบบระบบ BTO ระยะเวลา 30 ปี และมีระยะเวลาการก่อสร้างไม่เกิน 48 เดือน ทั้งนี้ โครงการส่วน SOE คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในเดือนสิงหาคม 2559

ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา ปริมาณจราจรบนทางด่วนเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 3.2% ต่อปี สำหรับในไตรมาสแรกของปี 2559 ปริมาณจราจรบนทางด่วนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.18 ล้านเที่ยวต่อวัน รายได้ค่าผ่านทางเฉลี่ยอยู่ที่ 25 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าความต้องการใช้ทางด่วนยังมีแนวโน้มในทางบวกด้วยอัตราการเติบโตในระดับปานกลาง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของโครงการที่อยู่อาศัยไปยังเขตปริมณฑลและการเพิ่มขึ้นของจำนวนรถยนต์ที่จดทะเบียนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในการต่ออายุสัญญาสัมปทานทางด่วนในเขตเมือง (ส่วน A, B, และ C) ที่จะหมดอายุในปี 2563 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันรายได้ประมาณ 50% ของบริษัทมาจากรายได้จากการให้บริการทางด่วนในเขตเมืองดังกล่าว

บริษัทเป็นผู้รับสัมปทานการให้บริการการเดินรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนจำนวน 2 โครงการจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง โดยสัญญาระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมีระยะเวลา 25 ปีเริ่มตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2547 ในรูปแบบ Public-Private Partnership Net Cost (PPP Net Cost) โดยบริษัทจะมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการจัดเก็บรายได้ค่าโดยสารและการพัฒนาเชิงพาณิชย์ รวมทั้งรับความเสี่ยงในเรื่องจำนวนผู้โดยสาร สำหรับสัญญารถไฟฟ้าสายสีม่วงนั้นเป็นสัมปทาน 30 ปี รูปแบบ PPP Gross Cost ซึ่ง รฟม. เป็นผู้ลงทุนค่างานโยธาทั้งหมดและบริษัทเป็นผู้ลงทุนค่างานระบบรถไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้า ซึ่ง รฟม. จะชำระเงินคืนหลังจากที่บริษัทโอนกรรมสิทธ์ในงานระบบและขบวนรถไฟฟ้าให้แก่ รฟม. ในระยะเวลา 10 ปี และบริษัทได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้ให้บริการการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงรักษาตลอดอายุสัมปทาน

ในอดีต ธุรกิจรถไฟฟ้าของบริษัทประสบภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่องจากการที่จำนวนผู้โดยสารไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี จำนวนผู้โดยสารของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะ 5 ปีที่ผ่านมาโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของประชากรที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า โดยจำนวนผู้โดยสารเติบโตโดยเฉลี่ย 8% ต่อปีในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา ในไตรมาสแรกของปี 2559 จำนวนผู้โดยสารโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 271,417 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ค่าโดยสารโดยเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 6.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การดำเนินงานของรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายจะช่วยเสริมการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารในอนาคต

ฐานะการเงินของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง แม้บริษัทจะมีอัตรากำไรที่สูง แต่ก็มีภาระหนี้จากการลงทุนในระดับสูงเช่นกันซึ่งเป็นธรรมชาติของธุรกิจทางด่วนและรถไฟฟ้า ในไตรมาสแรกของปี 2559 บริษัทมีรายได้ 3,026 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.6% จากการเพิ่มขึ้นของทั้งจำนวนการจราจรบนทางด่วน และจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า อัตรากำไรของบริษัทซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ในไตรมาสแรกของปี 2558 อยู่ในระดับสูงที่ 60.8% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอัตรากำไรที่สูงของธุรกิจทางด่วน ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตปีละ 10%-20% ในระหว่างปี 2559-2561 จากการเติบโตโดยปกติของธุรกิจ รวมทั้งจากการเปิดใช้ทางด่วนส่วน SOE และรถไฟฟ้าสายสีม่วงในช่วงกลางปี 2559 ในขณะที่อัตรากำไรของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 50% โดยพิจารณาจากส่วนแบ่งรายได้ที่บริษัทต้องจ่ายให้แก่ รฟม. ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี

ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 บริษัทมีหนี้สินรวมสำรองค่าทดแทนจากการจัดหาพื้นที่ก่อสร้างทางด่วนรวม 44,928 ล้านบาทและมีเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเท่ากับ 60.11% ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายประมาณ 15,000-20,000 ล้านบาทในระหว่างปี 2560-2561 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2560-2561 ที่ระดับ 65%-70% ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งไม่ได้รวมภาระหนี้ประมาณ 20,000 ล้านบาทจากการลงทุนในระบบรถไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ขณะนี้อยู่ในบัญชีของบริษัท ช. การช่าง เนื่องจากภาระหนี้ดังกล่าวมีสัญญาการชำระคืนหนี้จาก รฟม. ในระยะเวลา 10 ปีรองรับอยู่

บริษัทมีฐานะสภาพคล่องที่ยอมรับได้โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความยืดหยุ่นทางการเงินจากมูลค่าเงินลงทุนในบริษัทร่วม ในไตรมาสแรกของปี 2559 บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 3.63% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในขณะที่มีอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 4.94 เท่า ในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้า บริษัทมีภาระหนี้ที่ถึงกำหนดชำระประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนจะจัดหาเงินกู้ทดแทนจำนวน 7,000 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2559 บริษัทมีแผนการลงทุนประมาณ 11,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ใช้สำหรับโครงการทางด่วนส่วน SOE และการลงทุนเพิ่มเติมในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน โดยแหล่งสภาพคล่องของบริษัทจะมาจากเงินทุนจากการดำเนินงานที่คาดหมายว่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 5,400 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งจากวงเงินสินเชื่อสำหรับโครงการที่ยังไม่ได้เบิกใช้จำนวน 4,000 ล้านบาท เงินสดและเทียบเท่าเงินสด ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 อีกจำนวน 3,446 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีเงินลงทุนใน บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีมูลค่ายุติธรรมอยู่ที่ 11,472 ล้านบาท ณ วันที่ 17 พฤษภาคม 2559 อีกด้วย

บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ