ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันและแนวโน้ม “บ. ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง” ที่ “AA+/Negative”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 29, 2016 16:30 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันของ บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด ที่ระดับ “AA+” โดยแนวโน้มยังคง “Negative” หรือ “ลบ” ทั้งนี้ หุ้นกู้ของบริษัทได้รับการค้ำประกันเต็มจำนวนโดยบริษัทแม่คือ ORIX Corporation (ORIX) ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” จาก S&P Global Ratings และ “Baa1” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จาก Moody’s Investors Service (Moody’s) ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานความน่าเชื่อถือของ ORIX ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้แบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้

ตามเงื่อนไขข้อตกลงการค้ำประกันซึ่งบังคับใช้ภายใต้กฎหมายของประเทศญี่ปุ่น ผู้ค้ำประกันจะให้การค้ำประกันหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตดังกล่าวเต็มจำนวนในทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้ โดยผู้ค้ำประกันพร้อมที่จะชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ภายใต้ข้อตกลงการค้ำประกันในกรณีที่บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด นอกจากนี้ หากมีการควบรวมหรือการครอบงำกิจการของผู้ค้ำประกันคือ ORIX บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการควบรวมกิจการหรือบริษัทที่เข้าครอบงำกิจการของ ORIX จะต้องรับภาระผูกพันในการค้ำประกันหุ้นกู้ดังกล่าวด้วย และในกรณีที่ ORIX ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ตามกำหนดหลังจากได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้ว ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้สามารถดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ค้ำประกัน ณ ศาลในประเทศญี่ปุ่นเพื่อฟ้องร้องเรียกเงินที่ผิดนัดชำระหนี้คืนได้ โดยที่ภาระการค้ำประกันนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือเพิกถอนโดยปราศจากมติเอกฉันท์จากผู้ถือหุ้นกู้

อันดับเครดิตของ ORIX ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ได้รับแรงหนุนจากสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ของตนเอง โดยจุดแข็งของ ORIX คือการมีธุรกิจและแหล่งรายได้ที่หลากหลาย ORIX ต้องพึ่งพิงแหล่งเงินทุนจากตลาดทุนเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ORIX มีจำนวนแหล่งเงินกู้ที่มากเพียงพอที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการต้องพึ่งพิงเงินทุนจากตลาดทุน

แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” ของหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งสะท้อนถึงการคาดการณ์คุณภาพเครดิตที่อาจจะอ่อนแอลงของผู้ค้ำประกันคือ ORIX ซึ่งได้รับอันดับเครดิตในระดับสากล (International Scale) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” จาก S&P Global Ratings และระดับ “Baa1” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จาก Moody’s ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอาจจำกัดผลประกอบการของ ORIX และอาจจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพเครดิตด้วยเช่นกัน

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตสำหรับหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ในกรณีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงคุณภาพเครดิตของผู้ค้ำประกันคือ ORIX

ORIX ก่อตั้งในปี 2507 โดยความร่วมมือของสถาบันการเงิน 5 แห่งและบริษัทธุรกิจการค้าอีก 3 แห่ง บริษัทถือเป็นผู้บุกเบิกในธุรกิจให้เช่าแบบลีสซิ่งในประเทศญี่ปุ่น กว่า 50 ปีของการดำเนินงาน ORIX ได้ขยายขอบเขตความหลากหลายของธุรกิจมาโดยตลอด จนกระทั่งปัจจุบันมีการให้บริการทางการเงินที่กว้างขวางนอกเหนือจากการให้บริการลีสซิ่ง โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 ORIX มีสินทรัพย์รวมจำนวน 11 ล้านล้านเยน ลดลง 2% จาก ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2558 สินทรัพย์รวมของ ORIX ประกอบไปด้วยสินเชื่อผ่อนชำระ 2.6 ล้านล้านเยน ซึ่งคิดเป็น 24% ของสินทรัพย์ทั้งหมด ตามด้วยเงินลงทุนในหลักทรัพย์ 2.2 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 20% เงินลงทุนในสินทรัพย์ให้เช่าดำเนินงานจำนวน 1.3 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 12% และเงินลงทุนในสินทรัพย์ให้เช่าทางการเงินจำนวน 1 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 11%

ธุรกิจของ ORIX ในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจ (Corporate Financial Services) ธุรกิจลีสซิ่งแบบเช่าบำรุง (Maintenance Leasing) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) ธุรกิจการลงทุนและการดำเนินงาน (Investment and Operation) ธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อย (Retail) และธุรกิจต่างประเทศ (Overseas Business) หลังจากวิกฤตทางการเงินในช่วงปี 2551-2552 การลดลงของสินทรัพย์สะท้อนถึงความตั้งใจของ ORIX ที่จะลดขนาดสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวสูงต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ สินทรัพย์รวมในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงจาก 1,856 พันล้านเยน หรือคิดเป็น 26.6% ของสินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจในรอบปีบัญชี 2552 เป็น 706 พันล้านเยน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 หรือเท่ากับ 8% ของสินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจ การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อยและกลุ่มธุรกิจต่างประเทศช่วยชดเชยการลดลงของสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มธุรกิจต่างประเทศยังคงเป็นกลุ่มที่ ORIX ขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นหลังจากวิกฤตทางการเงิน โดยสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 49.6% จาก 1.3 ล้านล้านเยน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2556 เป็น 2 ล้านล้านเยน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2557 การเพิ่มขึ้นอย่างมากของสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเกิดจากการควบรวมกิจการของ Robeco Groep N.V. บริษัทบริหารสินทรัพย์ในประเทศเนเธอร์แลนด์ในรอบปีบัญชี 2557 ส่งผลให้สินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้นจาก 6.1 ล้านล้านเยน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2555 เป็น 7.3 ล้านล้านเยน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2557 นอกจากนี้ สินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจยังเพิ่มสูงขึ้นเป็น 9.3 ล้านล้านเยน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 หลังจากการควบรวมกิจการ โดย ORIX ได้เริ่มรวม Hartford Life Insurance K.K. เข้ามารวมในกลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของรอบปีบัญชี 2558 จากจำนวนสินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 สินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อยคิดเป็น 39.5% ของสินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจ ตามด้วยกลุ่มธุรกิจต่างประเทศที่ 24.1% กลุ่มธุรกิจให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจ 12.1% กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 8.2% กลุ่มธุรกิจลีสซิ่งแบบเช่าบำรุง 8.2% และกลุ่มธุรกิจการลงทุนและการดำเนินงาน 7.9%

การกระจายความหลากหลายของธุรกิจช่วยให้ ORIX สามารถหลีกเลี่ยงการมีผลประกอบการขาดทุนได้แม้ในช่วงวิกฤตทางการเงิน กำไรสุทธิของบริษัทเริ่มฟื้นตัวหลังจากหันไปให้ความสำคัญกับกลุ่มธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 36.5 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2553 เป็น 260.2 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2559 กำไรสุทธิคิดเป็น 76.8 พันล้านเยนสำหรับไตรมาสแรกของรอบปีบัญชี 2560 อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 0.99% ในรอบปีบัญชี 2555 เป็น 2.82% ในช่วงไตรมาสแรกของรอบปีบัญชี 2560 ORIX ดำรงนโยบายด้านสภาพคล่องที่เข้มงวดโดยการรักษาเงินสดและวงเงินกู้แบบผูกพันการให้กู้ที่สามารถใช้ได้อย่างเพียงพอต่อการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นที่สามารถซื้อขายหรือโอนเปลี่ยนมือได้ โดยอัตราส่วนเงินสดและวงเงินกู้ต่อหนี้สินระยะสั้นที่สามารถซื้อขายหรือโอนเปลี่ยนมือได้อยู่ที่ระดับ 360% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559

แนวโน้มที่ดีในธุรกิจให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์และการให้เช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงานในประเทศไทยทำให้ ORIX มุ่งเน้นขยายธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้นโดยผ่านบริษัทลูกคือบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ในประเทศไทย บริษัทก่อตั้งในปี 2521 โดยความร่วมมือระหว่าง ORIX บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (บรรษัทฯ) บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลายครั้งเนื่องจากการควบรวมและการควบรวมกิจการของผู้ถือหุ้นฝ่ายไทย ในปี 2553 ORIX ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจในประเทศไทยโดยการควบรวมบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งและบริษัทที่ให้บริการเช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงานคือ บริษัท โอริกซ์ ออโต้ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และเปลี่ยนเป็นนิติบุคคลที่มีการจัดตั้งขึ้นใหม่แต่ยังคงใช้ชื่อบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งเป็นชื่อของนิติบุคคลใหม่ดังกล่าว ปัจจุบัน ORIX ถือหุ้น 96.6% ในบริษัท ส่วนหุ้นที่เหลือ 3.4% ถือโดยบริษัทกรุงเทพประกันภัย

ธุรกิจหลักที่บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งให้บริการประกอบด้วยธุรกิจสินเชื่อให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์และธุรกิจการให้เช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงาน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2559 บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งมีสินทรัพย์ดำเนินงานซึ่งประกอบไปด้วยสินเชื่อหรือลูกหนี้จากธุรกิจให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์และสินทรัพย์ให้เช่าสุทธิจากธุรกิจการให้เช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงานจำนวน 17,799 ล้านบาท สินทรัพย์ดำเนินงานเพิ่มขึ้น 1% ในรอบปีบัญชี 2559 โดยสินทรัพย์จากธุรกิจให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์คิดเป็นประมาณ 61% ของสินทรัพย์ดำเนินงานรวม ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2559 การลดลงของราคารถยนต์มือสองได้ส่งผลต่อเนื่องมายังผลประกอบการทางการเงินของบริษัทตั้งแต่รอบปีบัญชี 2557 ส่งผลให้กำไรสุทธิปรับลดลงเหลือ 198 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2557 และ 195 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2558 ก่อนที่จะปรับขึ้นเล็กน้อยเป็น 214 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2559 ในขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของสินเชื่อให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 3.7% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2554 เป็น 1% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2557 ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้อัตราส่วนดังกล่าวมีการปรับเพิ่มขึ้นเป็น 3% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2559 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าว ณ ปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่คาดว่าบริษัทสามารถจัดการได้

ORIX ได้แสดงความตั้งใจในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งทั้งในด้านธุรกิจและการเงิน ซึ่งรวมทั้งการให้ความรู้ในด้านธุรกิจ แนวปฏิบัติในการบริหารจัดการความเสี่ยงและการดำเนินงาน ตลอดจนการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ด้วย ทั้งนี้ การสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากบริษัทแม่คาดว่าจะมีอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต

บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด (TOLC)
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TOLC16NA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 AA+
TOLC17NA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 650 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560                  	AA+
TOLC184A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 	AA+
TOLC204A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 	AA+
แนวโน้มอันดับเครดิต:	Negative
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ