ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันบางส่วนชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นวงเงิน 6,000 ล้านบาท “บ. นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (9)” ที่ระดับ “AA-(sf)”

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 29, 2016 16:30 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “AA-(sf)” ให้แก่หุ้นกู้มีประกันบางส่วนชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นอายุ 5 ปี ในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาท (หุ้นกู้มีประกัน) ของ บริษัท นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (9) จำกัด (ผู้ออกตราสาร หรือเอสพีวี) หุ้นกู้มีประกันดังกล่าวได้รับการค้ำประกันบางส่วนโดย บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท. หรือ ผู้ค้ำประกัน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง โดยเอสพีวีจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้มีประกันในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาทนี้พร้อมทั้งเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ (ไม่มีการจัดอันดับเครดิต) ไปใช้ซื้อสิทธิเรียกร้องในค่างวดตามสัญญากู้เงินเพื่อที่อยู่อาศัย (กองสินทรัพย์) จาก บตท. ซึ่งเป็นผู้เสนอโครงการ ขนาดมูลค่าของหุ้นกู้ด้อยสิทธิจะไม่ต่ำกว่า 25% ของมูลค่ารวมของหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ออกโดยเอสพีวี ตราสารดังกล่าวเป็นตราสารทางการเงินที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลังชุดที่ 5 ของ บตท. ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิต

อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีประกันดังกล่าวสะท้อนความน่าเชื่อถือของ บตท. ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันและผู้ให้เงินกู้ยืมเพื่อเสริมสภาพคล่อง โดย บตท. จะให้การค้ำประกันในวงเงินไม่เกินร้อยละ 90 ของยอดค้างชำระเงินต้นและดอกเบี้ยของหุ้นกู้มีประกัน และให้เงินกู้ยืมในกรณีที่เอสพีวีมีกระแสเงินสดไม่เพียงพอต่อการชำระดอกเบี้ยและเงินต้นของหุ้นกู้ รวมถึงค่าใช้จ่าย และภาระผูกพันต่าง ๆ ตลอดอายุโครงการ อันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนถึงการมีหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ถือโดย บตท. ด้วย โดยหุ้นกู้ด้อยสิทธิมีสถานะที่ด้อยกว่าหุ้นกู้มีประกันและเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีประกัน นอกจากนี้ ณ วันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ บตท. มีภาระที่จะต้องซื้อกองสินทรัพย์คงเหลือคืนจากเอสพีวี โดยเอสพีวีจะนำเงินที่ได้รับจากการขายคืนสินทรัพย์ให้แก่ บตท. ไปใช้ชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยของหุ้นกู้มีประกัน ซึ่งหากยังมีส่วนที่ขาดอยู่ บตท. ก็จะรับชำระให้ตามสัญญาค้ำประกัน ภายในวงเงินไม่เกินร้อยละ 90 ของยอดคงค้างของเงินต้นและดอกเบี้ย ณ วันสิ้นงวด ดังนั้น อันดับเครดิตจะสะท้อนถึงการที่ผู้ถือหุ้นกู้มีประกันจะได้รับชำระคืนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ครบถ้วนภายในเวลาที่กำหนด

บตท. ในฐานะผู้ค้ำประกัน มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจประเภทสถาบันการเงินเฉพาะกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง มีบทบาทในการพัฒนาตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ส่วนเอสพีวีเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศไทยและได้รับอนุญาตให้มีสถานะเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผู้ถือหุ้นของเอสพีวีประกอบด้วย บตท. ซึ่งถือหุ้น 49% บริษัท บริการดี จำกัด ซึ่งถือหุ้น 48% และบุคคลธรรมดาซึ่งถือหุ้น 3%

โครงการนี้มีสินทรัพย์คือ ลูกหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (รวมสินเชื่อเพื่อการตกแต่ง และสินเชื่อเพื่อการค้ำประกัน) ที่ บตท. รับซื้อมาจากผู้ขายคือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) และธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) จากข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2559 มูลค่าเงินต้นคงเหลือของกองสินเชื่อดังกล่าวอยู่ที่ 8,103.22 ล้านบาทและมีมูลค่าทางบัญชี 8,296.81 ล้านบาท โดยมีจำนวนผู้กู้ทั้งหมด 3,711 ราย ในกรณีที่ลูกหนี้ไม่มีการจ่ายชำระคืนหนี้ก่อนกำหนดและไม่มีการผิดนัดชำระหนี้ เงินค่างวดที่จะได้รับจากกองสินทรัพย์จะอยู่ที่ประมาณ 59.03 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งเอสพีวีจะต้องจัดสรรเงินค่างวดดังกล่าวให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้มีประกันจำนวนประมาณ 39 ล้านบาทต่อเดือน โดยเงินที่จัดสรรดังกล่าวจะประกอบด้วยส่วนของเงินต้นและดอกเบี้ยของหุ้นกู้ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของกองสินทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 4.78% และอายุเฉลี่ยของลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยคงเหลืออยู่ที่ 24.30 ปี

บตท. จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนเรียกเก็บหนี้ของโครงการนี้ด้วย โดย บตท. เคยเป็นตัวแทนเรียกเก็บหนี้ให้แก่โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ของ บตท. ที่ผ่านมา ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงเชื่อว่า บตท. จะสามารถทำหน้าที่ให้บริการเป็นตัวแทนเรียกเก็บหนี้ของโครงการนี้ได้ โดยเงินค่างวดที่ได้รับในแต่ละเดือนจะนำเข้าบัญชีของ บตท. ก่อนและจะโอนเข้าบัญชีของเอสพีวี ณ ทุกสิ้นเดือน ทั้งนี้ ความเสี่ยงที่เงินรายได้ของเอสพีวีจะปะปนกับเงินของ บตท. นั้นไม่น่าเป็นประเด็นกังวลเนื่องจาก บตท. จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการนี้ด้วย โดยตามสัญญาการให้การสนับสนุนทางการเงินระหว่าง บตท. และเอสพีวีนั้น บตท. ตกลงจะให้เงินกู้ยืมแก่เอสพีวีในกรณีที่เอสพีวีไม่มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะชำระหนี้ในแต่ละงวดตลอดอายุของหุ้นกู้ได้ นอกจากนี้ ภายใต้สัญญาโอนสิทธิเรียกร้อง บตท. ตกลงจะซื้อคืนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวโดยราคาซื้อคืนสิทธิเรียกร้องจะเป็นราคาระหว่าง (1) มูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์รวมดอกเบี้ยค้างชำระ หรือ (2) มูลค่าเงินต้นและดอกเบี้ยค้างชำระของหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิซึ่งรวมภาระผูกพันต่าง ๆ ของเอสพีวีหลังจากที่หักด้วยเงินสดคงเหลือในบัญชีสำรองของเอสพีวีแล้ว ซึ่งแล้วแต่ราคาใดจะต่ำกว่า เอสพีวีจะนำเงินที่ได้จากการขายคืนสิทธิเรียกร้องไปใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ซึ่งหากยังมีส่วนที่ขาดอยู่ บตท. ก็จะรับชำระให้ตามสัญญาค้ำประกัน โดยวงเงินค้ำประกันจะอยู่ที่ไม่เกินร้อยละ 90 ของยอดคงค้างของเงินต้นและดอกเบี้ย ณ วันสิ้นงวด โดยเงินที่ได้รับจากขายคืนสินทรัพย์ให้แก่ บตท. ประกอบกับเงินค้ำประกันน่าจะเพียงพอที่จะชำระคืนหนี้หุ้นกู้มีประกันได้ครบถ้วน

ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้ง หากอัตราการจ่ายชำระคืนหนี้ก่อนกำหนดของกองสินเชื่ออยู่ที่ 5% ต่อปีและอัตราการผิดนัดชำระหนี้กำหนดไว้ที่ 2.5% ในปีแรกและเพิ่มขึ้น 10% ทุกปี แม้ว่าอัตราการผิดนัดชำระหนี้จะเพิ่มขึ้นทุกปี แต่มูลค่าของกองสินเชื่อที่ลดลงจากการชำระคืนหนี้ตามกำหนดเวลาและการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนดบางส่วนทำให้มูลค่ารวมของหนี้ที่ผิดนัดชำระทั้งหมดในระยะเวลา 5 ปี เมื่อเทียบกับมูลค่าเงินต้นของกองสินเชื่อ ณ วันเริ่มโครงการอยู่ที่ระดับประมาณ 11% ในกรณีนี้กระแสเงินสดจากกองสินทรัพย์ก็จะยังคงเพียงพอที่จะใช้ชำระภาระผูกพันรวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของเอสพีวี ตลอดอายุโครงการได้ อย่างไรก็ดี ณ วันสิ้นสุดโครงการ บตท. จะต้องรับซื้อคืนสิทธิเรียกร้องคงเหลือทั้งหมดกลับไปจากเอสพีวี เพื่อให้เอสพีวีสามารถไถ่ถอนหุ้นกู้มีประกันคงเหลือได้ครบถ้วนตามกำหนด โดย ณ วันสิ้นสุดอายุหุ้นกู้มีประกัน มูลค่าเงินต้นคงเหลือของหุ้นกู้มีประกันจะอยู่ที่ประมาณ 4,517.46 ล้านบาท หรือประมาณ 75% ของมูลค่าเริ่มต้นหุ้นกู้มีประกันดังกล่าว ทั้งนี้ มูลค่าของหุ้นกู้มีประกันคงเหลือจะขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้มีประกัน ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เงินที่ได้จากการคืนขายสินทรัพย์ให้แก่ บตท. และเงินที่ได้รับจากการค้ำประกันในวงเงินทั้งสิ้นไม่เกินร้อยละ 90 ของยอดคงค้างของเงินต้นและดอกเบี้ย ณ วันสิ้นงวด จะไม่เพียงพอสำหรับการจ่ายชำระคืนหนี้หุ้นกู้ประกัน หากอัตราการผิดนัดชำระหนี้ของกองสูงเกินกว่า 72% ของมูลค่าเงินต้นของกองสินเชื่อ ณ วันเริ่มโครงการ

หุ้นกู้มีประกันภายใต้โครงการนี้จะมีการทยอยชำระคืนเงินต้นตลอดอายุหุ้นกู้ประมาณ 25% ดังนั้น การชำระคืนเงินต้นทั้งหมดในวันที่ครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้จะขึ้นอยู่กับความสามารถของ บตท. ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันในการที่จะซื้อคืนสิทธิเรียกร้องคงเหลือทั้งหมดกลับไป นอกจากนี้ หากยังมีส่วนที่ขาดอยู่ บตท. ก็จะรับชำระให้ตามสัญญาค้ำประกัน โดยวงเงินค้ำประกันทั้งสิ้นไม่เกินร้อยละ 90 ของยอดคงค้างของเงินต้นและดอกเบี้ย ณ วันสิ้นงวด เนื่องจาก บตท. มีบทบาทที่สำคัญหลายบทบาทในโครงการนี้ ดังนั้น อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีประกันจะขึ้นกับอันดับเครดิตของ บตท. โดยอันดับเครดิตของหุ้นกู้มีประกันจะเปลี่ยนแปลงตามอันดับเครดิตองค์กรของ บตท.

บริษัท นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (9) จำกัด (SPV-SMC (9))
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้มีประกันบางส่วนชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 AA-(sf)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ