ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” เป็น “A” จาก “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 8, 2016 13:00 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “A” จากเดิมที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นมาจากการที่บริษัทคงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดตามการขยายจำนวนโรงภาพยนตร์ และผลประกอบการที่แข็งแกร่งในธุรกิจสื่อและโฆษณาของบริษัทซึ่งดีกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม ทั้งนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัทในธุรกิจโรงภาพยนตร์ในประเทศไทย ตลอดจนการมีโรงภาพยนตร์ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดีทั่วประเทศ และคณะผู้บริหารที่มีความสามารถด้วย จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ปริมาณของภาพยนตร์ที่เข้าฉาย ความเป็นที่นิยมของภาพยนตร์ การแข่งขันจากกิจกรรมนันทนาการอื่น ๆ และการแพร่ระบาดของสื่อภาพยนตร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะผู้นำตลาดในธุรกิจโรงภาพยนตร์และรักษาผลประกอบการให้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจเอาไว้ได้ บริษัทยังไม่มีโอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้ายกเว้นในกรณีที่บริษัทสามารถเพิ่มกระแสเงินสดได้อย่างมากและสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ระดับปัจจุบัน อันดับเครดิตอาจได้รับผลกระทบในทางลบหากบริษัทมีการกู้ยืมเงินมาใช้ในการลงทุนจนส่งผลให้สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ

บริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เป็นผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 70% โดยพิจารณาจากรายได้รวมของภาพยนตร์ที่เข้าฉายในสัปดาห์แรก บริษัทก่อตั้งในปี 2538 โดยนายวิชา พูลวรลักษณ์ ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นในบริษัทในสัดส่วน 32% บริษัทดำเนินธุรกิจหลัก 5 ประเภท ได้แก่ โรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่งและคาราโอเกะ สื่อและโฆษณา การให้เช่าพื้นที่และบริการ รวมถึงธุรกิจสื่อภาพยนตร์ โดยรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากธุรกิจโรงภาพยนตร์และธุรกิจโฆษณา ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 รายได้จากธุรกิจโรงภาพยนตร์คิดเป็น 72% ของรายได้ทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากธุรกิจโฆษณาคิดเป็น 15% ส่วนธุรกิจอื่น ๆ อีก 3 ประเภทมีรายได้คิดเป็นประมาณ 5% ของรายได้ทั้งหมด

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 บริษัทดำเนินกิจการโรงภาพยนตร์ 101 แห่ง โดยมีจำนวนจอภาพยนตร์ทั้งสิ้น 641 จอ ณ ปัจจุบันบริษัทมีจอภาพยนตร์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจำนวน 340 จอ ในต่างจังหวัด 285 จอ และในต่างประเทศ 16 จอ สำหรับธุรกิจโบว์ลิ่งและคาราโอเกะนั้นบริษัทมีสาขาทั้งหมด 14 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยโบว์ลิ่ง 257 ราง ห้องคาราโอเกะ 148 ห้อง และลานสเก็ตน้ำแข็ง 5 ลาน นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่จำนวน 5 แห่งและมีพื้นที่ให้เช่าขนาด 50,778 ตารางเมตร (ตร.ม.) รวมทั้งยังขยายโรงภาพยนตร์ไปตามห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกสมัยใหม่โดยใช้ตราสัญลักษณ์หลากหลายเพื่อดึงดูดลูกค้าหลาย ๆ กลุ่มด้วย

สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทได้รับแรงหนุนบางส่วนจากการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวแทนผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์และการมีโรงภาพยนตร์จำนวนมากทั่วประเทศ โดยรายได้จากการเข้าชมภาพยนตร์ขึ้นอยู่กับจำนวนภาพยนตร์ที่เข้าฉาย รวมถึงคุณภาพและความเป็นที่นิยมของภาพยนตร์ด้วย อนึ่ง การชมภาพยนตร์ในโรงเป็นรูปแบบความบันเทิงที่มีราคาไม่แพงและสามารถเข้าถึงได้ง่าย อย่างไรก็ตาม การชมภาพยนตร์ในโรงก็มีความเสี่ยงจากการมีความบันเทิงในรูปแบบอื่น ๆ เป็นสิ่งทดแทน เช่น กิจกรรมความบันเทิงภายในบ้าน การใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ และกิจกรรมนันทนาการอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม กิจกรรมนันทนาการในรูปแบบอื่นดังกล่าวก็ยังไม่สามารถทดแทนประสบการณ์จากการชมภาพยนตร์ในโรงได้

ในปี 2558 บริษัทมีรายได้รวม 8,580 ล้านบาท โดยลดลงเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมาเนื่องจากการยกเลิกธุรกิจจัดจำหน่ายวีซีดีและดีวีดี สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะยังคงอ่อนแอ แต่รายได้ของบริษัทยังคงเพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา คิดเป็น 6,850 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดการจำหน่ายตั๋วชมภาพยนตร์และการจำหน่ายอาหารว่างและเครื่องดื่มที่เติบโตขึ้นเนื่องจากมีภาพยนตร์ไทยและภาพยนตร์จากฮอลลีวูดที่เป็นที่นิยมหลายเรื่องและการเพิ่มจำนวนจอภาพยนตร์อีก 65 จอ บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 28.9% ในปี 2557 เป็น 31% ในปี 2558 และ 32.9% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจากธุรกิจภาพยนตร์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 56% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายทั้งหมด โดยส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจสื่อและโฆษณา ทั้งนี้ เนื่องจากธุรกิจสื่อและโฆษณามีค่าใช้จ่ายต่ำ จึงสามารถสร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ

หนี้สินรวมของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 4,676 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2558 เป็น 5,212 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 โดยภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการขยายสาขา จึงส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 61% ในปี 2558 เป็นระดับ 62% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 สภาพคล่องของบริษัทอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 1,794 ล้านบาทในปี 2558 และอยู่ที่ 1,581 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมปรับเพิ่มขึ้นจาก 19.2% ในปี 2558 เป็น 22.2% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 4.5 เท่าในปี 2558 เป็น 5.1 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 สำหรับในช่วงอีก 12 เดือนต่อจากนี้ไปบริษัทจะมีภาระในการชำระหนี้จำนวน 4,346 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ระยะสั้นจำนวน 3,009 ล้านบาทและหนี้ระยะยาวที่จะครบกำหนดไถ่ถอนจำนวน 1,336 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทมีเงินสดจำนวน 551 ล้านบาทและมีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารหลายแห่งอีกจำนวน 3,220 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอสำหรับภาระหนี้ดังกล่าว ณ เดือนกันยายน 2559 มูลค่าทางการตลาดของเงินลงทุนที่สำคัญของบริษัทอยู่ที่ 6,982 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนใน บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (MPIC) ใน บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (SF) ในกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์ (MJLF) และใน PVR Ltd. ซึ่งมูลค่าทางการตลาดที่อยู่ในระดับสูงจากการลงทุนเหล่านี้จะเป็นส่วนเสริมให้แก่บริษัทหากมีความต้องการเงินทุน

ในช่วงปี 2560-2563 ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้รวมของบริษัทจะเติบโตในระดับสูงจากจำนวนภาพยนตร์ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมจะออกฉายจำนวนมากและแผนการขยายสาขา โดยคาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ประมาณ 30% ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเพิ่มจำนวนจอภาพยนตร์ให้เป็น 1,000 จอภายในปี 2563 ส่งผลให้บริษัทต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 1,100-1,200 ล้านบาทในระหว่างปี 2560-2562 บริษัทยังมีงบประมาณอีกปีละราว ๆ 400 ล้านบาทในการผลิตภาพยนตร์ไทยและซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญบางส่วนจำนวน 24% ของหุ้นทั้งหมดของ SF ซึ่งคิดเป็นเงินมูลค่า 2,656 ล้านบาทอีกด้วย ดังนั้น จึงคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็นระดับประมาณ 65% ในปี 2560 หลังจากนั้นจะปรับตัวลงสู่ระดับประมาณ 60% ในปี 2562 ทั้งนี้ เงินทุนจากการดำเนินงานคาดว่าจะอยู่ที่ระดับสูงกว่า 2,000 ล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะอยู่ที่ระดับประมาณ 22% ส่วนอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ระดับประมาณ 4.5 เท่า

บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (MAJOR)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
MAJOR178A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ