ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ซึ่งอันดับเครดิตสะท้อนถึงการที่บริษัทมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากธุรกิจให้เช่าพื้นที่ค้าปลีก ตลอดจนการมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับกลุ่มธนชาต และความยืดหยุ่นด้านการเงินที่อยู่ในระดับสูงจากการมีเงินลงทุนในหลักทรัพย์จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่บริษัทขยายกิจการไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงที่สูงกว่า เช่น ธุรกิจให้บริการทางการเงิน
บริษัทเอ็ม บี เค ก่อตั้งในปี 2517 ปัจจุบัน บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) และบริษัทในกลุ่มธนชาตเป็นผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทในสัดส่วนรวม 20% บริษัทดำเนินธุรกิจหลากหลายประเภท อาทิ ธุรกิจพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจสนามกอล์ฟ ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ธุรกิจอาหาร และธุรกิจการเงิน บริษัทเป็นเจ้าของและบริหารจัดการศูนย์การค้า “เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์” ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่บนที่ดินเช่าติดกับย่านสยามสแควร์ในใจกลางกรุงเทพฯ แม้จะมีธุรกิจที่หลากหลาย แต่ผลประกอบการของบริษัทยังคงขึ้นอยู่กับสินทรัพย์หลัก 2 แห่งอันได้แก่ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ และ “โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส” ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน โดยในปี 2559 สินทรัพย์ดังกล่าวสร้างรายได้ประมาณ 33% และสร้างกระแสเงินสดประมาณ 47% ให้แก่บริษัท
เพื่อลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของรายได้ บริษัทจึงได้เปิดศูนย์การค้า 3 แห่งในระหว่างปี 2553-2557 ได้แก่ “พาราไดซ์พาร์ค” และ “ฮาฮา มาร์เก็ต” ซึ่งมีรูปแบบเป็นศูนย์การค้า ส่วน “เดอะ ไนน์ เนเบอร์ฮูดเซนเตอร์” มีรูปแบบเป็นศูนย์การค้าชุมชน (Community Mall) นอกจากนี้ บริษัทยังมีสัดส่วนการลงทุน 31% ใน บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของและเป็นผู้บริหารศูนย์การค้าในย่านสยามสแควร์อีกด้วย ณ เดือนมิถุนายน 2560 บริษัทบริหารพื้นที่ค้าปลีกรวม 217,250 ตารางเมตร (ตร.ม.) และพื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่ารวม 57,368 ตร.ม.
สำหรับธุรกิจโรงแรมนั้น ปัจจุบันบริษัทเป็นเจ้าของและให้บริการโรงแรม 6 แห่งในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศด้วยจำนวนห้องพักรวม 979 ห้อง โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 4.4% คิดเป็นจำนวน 17.32 ล้านคน ซึ่งส่งผลให้อัตราการเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 85% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 เมื่อเทียบกับอัตรา 84% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 ส่วนอัตราค่าห้องพักโดยเฉลี่ยปรับตัวลดลง 1.3% หรืออยู่ที่ระดับ 3,474 บาทต่อคืนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 ส่งผลให้อัตรารายได้ต่อห้องพักที่มีอยู่ของบริษัท (Revenue Per Available Room - RevPAR) โดยเฉลี่ยยังคงอยู่ที่ 2,936 บาทต่อคืนในช่วงดังกล่าว
สำหรับธุรกิจให้บริการทางการเงินนั้น บริษัทให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์ผ่านการดำเนินงานของ บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด และให้บริการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ผ่าน บริษัท เอ็ม บี เค การันตี จำกัด ยอดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์คงค้างของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 2,284 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2558 เป็น 3,657 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2560 ในขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รวมของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 3.3% ในปี 2558 เป็น 2.8% ณ เดือนมิถุนายน 2560 ในส่วนการให้บริการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์นั้น บริษัทมียอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 3,611 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2558 เป็น 6,432 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2560 ส่วนอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์รวมของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นจาก 3.8% ในปี 2558 เป็น 2.7% ณ เดือนมิถุนายน 2560
รายได้ของบริษัทปรับตัวลดลง 10% ในปี 2559 และ 14% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 โดยรายได้ที่ลดลงเนื่องมาจากการส่งออกข้าวที่ลดลงประกอบกับรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม “ควินน์” ที่ลดลงด้วย อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 41.1% ในปี 2559 และเพิ่มขึ้นเป็น 44% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 อันเนื่องมาจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจการเงิน
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เงินกู้รวมของบริษัทอยู่ที่ระดับประมาณ 16,000 ล้านบาท ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจาก 55.3% ณ เดือนธันวาคม 2558 เป็น 51.3% ณ สิ้นมิถุนายน 2560 ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทมีส่วนทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากผลกำไรสุทธิที่แข็งแกร่ง
สถานะสภาพคล่องของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยบริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 2,650 ล้านบาทในปี 2558 เป็น 3,052 ล้านบาทในปี 2559 ส่งผลให้อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมปรับตัวดีขึ้นเป็น 14.8% ในปี 2559 จาก 12.8% ในปี 2558 สำหรับช่วงครึ่งแรกของปี 2560 นั้น เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ระดับ 1,555 ล้านบาทและอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ระดับ 12.5% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ณ เดือนมิถุนายน 2560 บริษัทมีเงินสดในมือจำนวน 527 ล้านบาทและมีเงินลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นที่ต้องการในตลาดมูลค่า 2,957 ล้านบาท โดยบริษัทมีภาระหนี้ระยะสั้นจำนวน 1,955 ล้านบาทและหนี้ระยะยาวจำนวน 1,051 ล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระในระยะ 12 เดือนข้างหน้า
ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณปีละ 10,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้าโดยที่อัตรากำไรของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 40% บริษัทมีแผนในการลงทุนรวมทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้าโดยจะใช้กระแสเงินสดภายในของบริษัทเป็นแหล่งเงินทุน ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับประมาณ 50% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากธุรกิจให้เช่าพื้นที่ค้าปลีก อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากกระแสเงินสดของบริษัทขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนยังคงอยู่ในระดับปัจจุบัน ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทถดถอยลงอย่างมากเป็นเวลานาน หรือบริษัทมีการลงทุนที่มีการก่อหนี้เป็นจำนวนมาก
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html