ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม “บ. กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล” ที่ “AAA/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 4, 2017 13:00 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่ระดับ “AAA” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อดำเนินการลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าและจัดหาพลังงานในต่างประเทศ อันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนถึงสถานะของบริษัทที่จัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของ กฟผ. และมีบทบาทที่สำคัญในการสนับสนุนกลยุทธ์ระยะยาวของ กฟผ. ในด้านการจัดหาพลังงานไฟฟ้าที่เพียงพอสำหรับประเทศด้วย นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงการที่บริษัทได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก กฟผ. อีกด้วยเช่นกัน

บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จัดตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2550 โดยมีภารกิจในการเป็นตัวแทนของ กฟผ. เพื่อเข้าร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าที่เป็นโครงการระหว่างรัฐในประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ บริษัทยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนการลงทุนของ กฟผ. ในการจัดหาพลังงานไฟฟ้าจากต่างประเทศเพื่อให้เพียงพอสำหรับการใช้ภายในประเทศ รวมถึงลงทุนในโครงการด้านพลังงานต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนแผนการเติบโตของ กฟผ. บริษัทมี กฟผ. เป็นผู้ถือหุ้น 100% นับตั้งแต่วันจัดตั้ง ทั้งนี้ กฟผ. (ได้รับการจัดอันดับเครดิต "AAA" จากทริสเรทติ้ง) เป็นรัฐวิสาหกิจหลักซึ่งมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมไฟฟ้าของประเทศโดยมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหาพลังงานไฟฟ้าให้แก่ประเทศไทย ณ เดือนมิถุนายน 2560 กฟผ. เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าซึ่งคิดเป็น 38% ของกำลังการผลิตรวมของประเทศ ในขณะเดียวกัน กฟผ. ยังเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าในส่วนที่เหลืออีก 62% แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งไฟฟ้าส่วนที่เหลือดังกล่าวผลิตโดยโรงไฟฟ้าเอกชนและบางส่วนนำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากนี้ กฟผ. ยังเป็นเจ้าของและเป็นผู้บริหารระบบสายส่งไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศด้วย ทั้งนี้ กฟผ. จำหน่ายไฟฟ้าส่วนใหญ่ให้แก่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)

ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2558-2579 (PDP2015) ประเทศไทยจะต้องนำเข้าไฟฟ้ารวม 12,347 เมกะวัตต์ ณ สิ้นแผนในปี 2579 ซึ่งมากกว่า 4 เท่าของการนำเข้าไฟฟ้าในปัจจุบัน โดย ณ สิ้นปี 2559 ประเทศไทยมีสัดส่วนของปริมาณไฟฟ้านำเข้าประมาณ 9% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ซึ่งสัดส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 18% ณ สิ้นปี 2579 ดังนั้น เพื่อความมั่นคงของการมีแหล่งพลังงานไฟฟ้าระยะยาวของประเทศ บริษัทจึงมีพันธกิจในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อจัดส่งไฟฟ้าให้แก่ประเทศไทยโดยมี กฟผ. เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่หรือแต่เพียงผู้เดียว

โครงการลงทุนในปัจจุบันของบริษัทประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศและเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย บริษัทมีนโยบายลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในสัดส่วน 30%-40% ในแต่ละโครงการ ปัจจุบันบริษัทลงทุนในโรงไฟฟ้า 3 แห่งซึ่งมีกำลังการผลิตทั้งหมด 4,259 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งประกอบด้วย โครงการน้ำเงี้ยบ 1 ซึ่งอยู่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) โครงการกวางจิ 1 ซึ่งอยู่ในประเทศเวียดนาม และโครงการมายตงซึ่งอยู่ในประเทศเมียนมา

จากทั้ง 3 โครงการดังกล่าว โครงการน้ำเงี้ยบ 1 มีความคืบหน้ามากที่สุด โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2562 ทั้งนี้ ณ เดือนมิถุนายน 2560 โครงการมีความคืบหน้า 81% ซึ่งเร็วกว่าแผนงาน 0.35% โครงการน้ำเงี้ยบ 1 เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งขนาด 289 เมกะวัตต์และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 27 ปีกับ กฟผ. โดยจะจัดส่งไฟฟ้ามายังประเทศไทยจำนวน 1,490 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง (หน่วย) ต่อปี บริษัทถือหุ้น 30% ในโครงการนี้และได้ตั้งงบประมาณลงทุนตามสัดส่วนการร่วมทุนในโครงการไว้จำนวน 84 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

โครงการกวางจิ 1 เป็นโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 1,320 เมกะวัตต์ในประเทศเวียดนาม โดย Ministry of Industry and Trade (MOIT) ของประเทศเวียดนามได้อนุมัติผลการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการเมื่อช่วงปลายปี 2559 ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับ MOIT ในการจัดทำร่าง Principle Project Agreement ซึ่งจะเป็นกรอบสำหรับการจัดทำสัญญาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ เช่น สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement -- PPA) เป็นต้น สำหรับโครงการมายตงซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศเมียนมานั้น บริษัทได้ปรับแบบให้เป็นเขื่อนแบบขั้นบันได (Cascade Dam) ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิต 2,650 เมกะวัตต์สำหรับการพัฒนาระยะแรกตามความต้องการของรัฐบาลเมียนมา ซึ่งตามแผนเดิมโครงการนี้จะพัฒนาเป็นโรงไฟฟ้าขนาดกำลังการผลิต 7,000 เมกะวัตต์ ปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการปรับปรุงรายงานผลการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ

ในเดือนพฤศจิกายน 2559 บริษัทได้ซื้อหุ้นจำนวน 11.53% ใน Adaro Indonesia ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเหมืองถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย โดยมีมูลค่าการซื้อทั้งหมด 325 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 11,700 ล้านบาท ตามสัญญาการซื้อหุ้นนั้น บริษัทได้ชำระเงินครั้งแรกจำนวน 163.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 5,800 ล้านบาท) ในเดือนพฤศจิกายน 2559 ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 161.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 5,900 ล้านบาท) นั้นจะชำระในระหว่างปี 2565-2570 หากเงื่อนไขต่าง ๆ บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ในสัญญา ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559 จนถึงเดือนมีนาคม 2560 บริษัทได้รับเงินปันผลแล้วทั้งสิ้น 83.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2,970 ล้านบาท) จาก Adaro Indonesia

กฟผ. ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงพลังงานของไทยในการจัดเตรียมเงินทุนให้แก่บริษัทสำหรับลงทุนในโครงการต่าง ๆ จำนวน 17,000 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2560 กฟผ. ได้เพิ่มทุนให้แก่บริษัทสำหรับการลงทุน 11,307 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทได้นำเงินดังกล่าวไปใช้ลงทุนในโครงการน้ำเงี้ยบ 1 จำนวน 3,692 ล้านบาท ใช้พัฒนาโครงการมายตงจำนวน 1,526 ล้านบาท ใช้ลงทุนใน Adaro Indonesia จำนวน 5,904 ล้านบาท และใช้ในโครงการกวางจิ 1 จำนวน 185 ล้านบาท

การดำเนินงานของบริษัทมีความใกล้ชิดและผสานเป็นหนึ่งเดียวกับการดำเนินงานของ กฟผ. และการที่บริษัทเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย กฟผ. ทำให้บริษัทได้รับการสนับสนุนจาก กฟผ. ในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นด้านบุคลากร ระบบการปฏิบัติงาน การถ่ายทอดองค์ความรู้ และการแบ่งปันประสบการณ์ ผู้บริหารและคณะกรรมการของบริษัทก็ได้รับการแต่งตั้งจาก กฟผ. นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายดำเนินงานและเงินลงทุนของบริษัทก็ได้รับการสนับสนุนจาก กฟผ. ด้วยเช่นกัน

ปัจจุบันบริษัทอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาโครงการนาน 5-10 ปี อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน Adaro Indonesia จะช่วยลดการขาดทุนของบริษัท โดยคาดว่าบริษัทจะได้รับเงินปันผลจาก Adaro Indonesia ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2561-2562

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย กฟผ. และยังคงมีบทบาทที่สำคัญต่อ กฟผ. ในการแสวงหาพลังงานไฟฟ้าจากต่างประเทศมาใช้ในประเทศไทย

ปัจจัยที่อาจมีผลในเชิงลบต่ออันดับเครดิตของบริษัท ได้แก่ การปรับลดอันดับเครดิตของ กฟผ. ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและ กฟผ. ที่เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ หรือการสนับสนุนจาก กฟผ. ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เป็นต้น

บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (EGATi)
อันดับเครดิตองค์กร AAA
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ